เทสลาเร่งผลิตรถไร้คนขับ
นายอีลอน มัสค์ ซีอีโอของบริษัทเทสลารายงานเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า รถยนต์ทุกรุ่นของบริษัทจะติดตั้งฮาร์ดแวร์ที่ช่วยให้รถยนต์ขับอัตโนมัติได้อย่างเต็มระบบ
โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากซิลิคอน วัลเลย์กำลังท้าทายตัวเองที่จะเป็นผู้ผลิตรายแรกท่ามกลางคู่แข่งจำนวนมากที่สามารถผลิตรถยนต์ไร้คนขับวิ่งโลดแล่นบนท้องถนน
โดยบริษัทเทสลารายงานว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น เอส และ เอ็กซ์ได้ถูกผลิตขึ้นมาด้วยอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยกล้อง 8 ตัว เซ็นเซอร์อัพเดทใหม่ 12 ตัว และระบบเรดาร์ที่มีการทำงานและประมวลผลรวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้ อุปกรณ์ทั้งชุดที่ติดตั้งในรถยนต์แต่ละคันมีมูลค่า 8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างอิงจากการแถลงข่าวของซีอีโอจากเทสลา ส่วนซอฟท์แวร์ในการควบคุมการขับแบบอัตโนมัติยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ
นายมัสค์แถลงว่า เขาคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2561 รถยนต์เทสลาจะสามารถขับแบบไร้คนขับได้อย่างเต็มรูปแบบจากนครลอส แองเจลีสถึงมหานครนิวยอร์ก โดยไม่มีการแตะต้องชิ้นส่วนรถยนต์เลย
เขาเร่งกำหนดการในการเผยโฉมรถยนต์ไร้คนขับมาหลายครั้งแล้ว โดยบริษัทคู่แข่งคาดการณ์ว่า ระบบขับอัตโนมัติจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2562 -2564
นายมัสค์กล่าวว่า ในขณะนี้ รถยนต์รุ่นที่มีระบบขับอัตโนมัติยังมีศักยภาพที่จะช่วยบังคับพวงมาลัย หรือเบรกน้อยกว่ารถยนต์รุ่นเก่าที่ใช้ระบบขับอัตโนมัติของเทสลา ภายในเดือนธ.ค.นี้ เขาคาดการณ์ว่า รถยนต์รุ่นใหม่จะทำงานได้ในระดับเดียวกับรถยนต์รุ่นเก่าของบริษัท
โดยนายมัสค์กล่าวว่า ระบบซอฟท์แวร์จะถูกติตตั้งภายในและทำงานบนไททันชิปของ Nvidia Corp (NVDA.O)
ยังไม่มีความชัดเจนว่า ระบบขับเคลื่อนรถยนต์อัตโนมัติในอนาคตของเทสลาจะผ่านการอนุมัติจากภาครัฐ
นายมัสค์รายงานว่า ระบบนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่าการขับของมนุษย์ถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม หน่วยงานภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกากำลังเสนอเกี่ยวกับมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมการพัฒนาและการใช้งานของระบบนี้
หุ้นของบริษัทร่วงลงมาอยู่ที่ 203.56 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้นในเวลาปิดการซื้อขายของตลาดหุ้น เมื่อวันที่ 19 ต.ค. คิดเป็นการดิ่งลงถึง 23% เมื่อเปรียบกับที่เคยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือน เม.ย. เนื่องจากบริษัทต้องผ่านความยากลำบากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ข่าวการเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตในระหว่างการทดสอบระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติของบริษัทในเดือน พ.ค. ทำให้มีการสอบสวนจากหน่วยงานความปลอดภัยของสหรัฐฯ และการเข้าซื้อระบบหลังคาโซลาร์เซลล์จาก SolarCity Corp (SCTY.O) ได้เพิ่มภาระด้านการเงินมากขึ้นให้กับบริษัท.