ออสซี่โต้จีนไม่เหยียดนศ.ต่างชาติ
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ทางการออสเตรเลียและมหาวิทยาลัยชั้นนำปฏิเสธคำกล่าวหาของจีนที่เตือนนักศึกษาของตัวเองให้ระมัดระวังในการเลือกที่จะมาศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย เพราะกังวลประเด็นการเหยียดเชื้อชาติในออสเตรเลียช่วงเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยก่อนหน้านี้ในวันที่ 9 มิ.ย. กระทรวงศึกษาธิการของจีนเตือนนักศึกษาว่า มีเหตุการณ์การเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียในออสเตรเลียหลายครั้งในช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศตึงเครียดยิ่งขึ้น
คำแนะนำล่าสุดของทางการจีนเป็นการยกระดับความขัดแย้งระหว่างจีนและออสเตรเลียให้ยิ่งร้าวลึก หลังจากออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นอิสระถึงต้นตอและการรับมือกับไวรัสโคโรนาที่อุบัติขึ้นในพื้นที่ตอนกลางของจีนในปีที่แล้ว
จีนแสดงความไม่พอใจกับข้อเรียกร้องของออสเตรเลีย ทำให้มีการตั้งเป้าต่อต้านออสเตรเลียในหลายประเด็น ทั้งการท่องเที่ยว การค้า และตอนนี้คือนักศึกษาจีน ซึ่งเป็นนักศึกษาต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดในมหาวิทยาลัยของออสเตรเลีย
แดน เทฮาน รมว.ศึกษาธิการออสเตรเลียออกโรงโต้ตอบจีนในประเด็นนี้ โดยระบุว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีสังคมหลากหลายวัฒนธรรมที่ต้อนรับผู้มาเยือนจากนานาประเทศ
“ความสำเร็จของเราในการลดจำนวนผู้ป่วย ทำให้เราเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่จะมาศึกษาต่อในตอนนี้ ” เขาระบุในถ้อยแถลง “เราขอปฏิเสธคำกล่าวอ้างของจีนที่ว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ”
มีรายงานการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชียมากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด – 19 โดยคณะกรรมการต่อต้านการเลือกปฏิบัติของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ระบุว่า มีคนที่ถูกกลั่นแกล้งเนื่องจากสวมหน้ากากอนามัย ทั้งถูกถ่มน้ำลายใส่และคุกคามในที่สาธารณะ รวมถึงยังมีการเขียนคำพูดเหยียดเชื้อชาติบนรถยนต์และทรัพย์สินส่วนบุคคล
วิคกี ธอมสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม 8 มหาวิทยาลัยของออสเตรเลียระบุว่า รู้สึกกังวลใจมากที่จีนออกคำเตือนนักศึกษาไม่ให้มาศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย
“เราไม่มีหลักฐานที่สนับสนุนในประเด็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยของเรา และดิฉันคิดว่า ไม่มีความหมายอะไรเพราะเราไม่มีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเราในช่วงเวลานั้น” เธอกล่าว
โดยธอมสันโอดครวญว่า มหาวิทยาลัย “ติดอยู่ตรงกลาง” ระหว่างความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ของสองประเทศ
มหาวิทยาลัยออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการขาดทุนอย่างมหาศาลจากการปิดพรมแดนเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา เนื่องจากนักศึกษาต่างชาติเป็นแหล่งรายได้นับพันล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับภาคส่วนการศึกษา
คำแนะนำในการเดินทางของจีนอาจเป็นสัญลักษณ์ แต่สามารถแทรกแซงด้วยจุดประสงค์เพื่อสร้าง “ระเบียงความมั่นคง” กั้นไม่ให้นักศึกษากลับไปศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย
การศึกษาเป็นการส่งออกที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 4 ของออสเตรเลีย รองจากแร่เหล็ก ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ
โดยในปีที่แล้ว มีนักศึกษาต่างชาติสมัครเข้าเรียนกว่า 500,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศประมาณ 37,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ( ราว 821,030 ล้านบาท )
แถลงการณ์ของจีนมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากโฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศจีนเตือนว่า “มีการเหยียดเชื้อชาติจำนวนมาก” กับชาวจีนในออสเตรเลีย และไม่กี่วันหลังจากจีนชี้แจงกับประชาชนไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศเลย
เพื่อเป็นการตอบโต้ออสเตรเลียที่เรียกร้องให้มีการสืบสวนเรื่องไวรัสโคโรนาอย่างอิสระ เอกอัครราชทูตของจีนในกรุงแคนเบอร์ราขู่จะบอยคอตสินค้าของออสเตรเลีย โดยหลังจากนั้น ก็มีการสั่งแบน 4 ผู้ส่งออกเนื้อวัวรายใหญ่ของออสเตรเลีย
ในเดือนพ.ค. จีนยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 80% กับข้าวบาร์เลย์จากออสเตรเลีย จากข้อกล่าวหาที่ว่าออสเตรเลียมีการทุ่มตลาด ( คือส่งออกในราคาต่ำกว่าราคาตลาด) ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกสูญรายได้อย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 11,095 ล้านบาท ) ต่อปี