นายกฯ ลาออกและมูดี้ส์หั่นเครดิตอังกฤษ
สหราชอาณาจักรถูกปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบจากมูดี้ส์ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับชั้นนำของโลกหลังการลงประชามติ มีผลโหวตให้ออกจากสหภาพยุโรปหรืออียู
โดยทางมูดี้ส์กล่าวว่า ผลที่ออกมานับเป็นการประโคมข่าวการยืดระยะเวลาของความไม่แน่นอนออกไป
ขณะเดียวกัน นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษประกาศลงจากตำแหน่งและถูกกดดันให้ประชุมกับทางอียู หลังจากทางอียูกล่าวว่าการเจรจาเรื่องการออกจากอียูควรเริ่มต้นโดยทันที
เขากล่าวว่าเขาจะพยายามนำพาประเทศต่อไปอย่างมีเสถียรภาพในช่วงเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนี้ จนถึงเดือนต.ค. และจะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะทำการเจรจากับทางอียู ซึ่งจะใช้เวลา 2 ปีในการออกจากอียู
อย่างไรก็ตาม ทางนายกฯ คาเมรอนได้รับการรับประกันจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐอเมริกาว่า สหราชอาณาจักรจะยังคงเป็นพันธมิตรที่ขาดกันไม่ได้ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทางมูดี้ส์รายงานว่าผลการลงประชามติจะมีผลกระทบด้านลบกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในะยะกลางของสหราชอาณาจักร และลดระดับอันดับเครดิตจาก ‘มีเสถียรภาพ’ เป็น ‘เชิงลบ’
นอกจากนี้ ในความเห็นของมูดี้ส์ สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในประเทศที่มีงบประมาณขาดดุลสูงสุดท่ามกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้า
การประเมินทางเศรษฐกิจมีขึ้นหลังจากผลการลงประชามติเสียงที่ส่วนใหญ่ตัดสินใจให้ออกจากอียู และนายกรัฐมนตรีคาเมรอนประกาศว่า จะลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ก่อนหน้านี้เขาได้กระตุ้นให้พลเมืองในอังกฤษโหวตลงคะแนนให้อยู่ต่อในอียูต่อไป แต่ผลออกมาว่าฝ่ายที่อยากให้ออกจากอียูหรือเบร็กซิทชนะไปด้วยคะแนน 52% ต่อ 48%
ท้้งนี้ มีการประท้วงเกิดขึ้นทั่วสหราชอาณาจักรหลังจากการลงประชามติ เนื่องจากกลุ่มคนหนุ่มสาวผิดหวังกับผลที่ออกมา
ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน กลุ่มผู้ชุมนุมที่ต่อต้านการเหยียดผิวมารวมตัวกันเพื่อแสดงการสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปอยู่ที่หน้าสำนักงานของหนังสือพิมพ์เดอะซัน ซึ่งสนับสนุนเบร็กซิท
การลงประชามติยังอาจจุดชนวนให้เกิดการลงประชามติเป็นครั้งที่ 2 ในสก็อตแลนด์ ซึ่งต้องการเป็นสมาชิกต่อไปในอียู โดยนางนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีของสก็อตแลนด์กล่าวว่า เป็นประชาธิปไตยที่ยอมรับไม่ได้ที่จะบังคับให้สก็อตแลนด์ออกจากอียูทั้งที่ไม่อยากออก
นอกจากนี้ ตลาดการเงินปั่นป่วนอย่างรุนแรง มูลค่าหุ้นของธนาคารอังกฤษร่วงลงมาถึง 1 ใน 3 ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันที่ 24 มิ.ย.
ผู้ค้าปลีกและสมาคมยานยนต์ออกมาเตือนว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากค่าเงินปอนด์ที่ร่วงลงต่อดอลลาร์สหรัฐฯ.