เตือนจีนรับมือหนี้ภาคเอกชน
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ผู้บริหารระดับสูงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟออกโรงเตือนว่าจีนควรมีมาตรการรับมือกับปัญหาหนี้ภาคเอกชน ซึ่งสร้างความกังวลกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 โดยเร็ว
นายเดวิด ลิปตัน รองกรรมการผู้จัดการลำดับที่ 1 ของกองทุนไอเอ็มเอฟ กล่าวเตือนในสุนทรพจน์ที่เขากล่าวในการประชุมกับกลุ่มนักเศรษศาสตร์ทีเมืองเซินเจิ้นว่า หนี้ภาคเอกชนมูลค่ามหาศาลเป็นแนวโน้มในเชิงลบที่สำคัญของเศรษฐกิจจีน
อ้างอิงจากสำเนาคำกล่าวในการประชุมของนายลิปตันที่จัดให้สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ปัญหาหนี้บริษัทในวันนี้ สามารถกลายเป็นหนี้ในระบบหลักได้ในวันพรุ่งนี้ หนี้ในระบบหลักอาจส่งผลให้ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนลดต่ำลงได้มาก หรืออาจเกิดวิกฤตทางธนาคาร หรืออาจเป็นได้ทั้ง 2 อย่าง”
ทั้งนี้ ในปี 2558 จีนซึ่งมีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวสูงที่สุดในรอบ 25 ปี ต้องต่อสู้กับปริมาณหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและปริมาณการผลิตที่เกินกำลัง
ในสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารประชาชนของจีนกล่าวเตือนในรายงานประจำกลางปีของธนาคารว่า ความพยายามขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังของรัฐบาลเพื่อลดระดับหนี้และปริมาณการผลิตที่ล้นตลาด อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านลบในพันธบัตร และทำให้ยากมากขึ้นสำหรับบริษัททั้งหลายที่จะระดมทุน
นายลิปตันกล่าวว่า ปริมาณหนี้ภาคเอกชนของจีนมีสัดส่วนคิดเป็น 145% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของจีน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง
อ้างอิงจากการประเมินของไอเอ็มเอฟ นายลิปตันยังได้ชี้ให้เห็นว่า รัฐวิสาหกิจของจีนซึ่งมีสัดส่วนหนี้สูงถึง 55% ของปริมาณหนี้ภาคเอกชนทั้งหมด กลับมีผลผลิตทางเศรษฐกิจเพียง 22% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยรวม
นายลิปตันยังได้อ้างถึงประสบการณ์การแก้ปัญหาของประเทศอื่นๆว่า จีนจำเป็นต้องทำข้อตกลงระหว่างทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ และบริหารจัดการปัญหาทั้งในหนี้ภาคเอกชนและภาคธนาคาร
เขาสรุปว่า “จีนจำเป็นต้องเข้าไปจัดการ หากต้องการหลีกเลี่ยงการขยายตัวของวงจรหนี้ไม่ให้เกิดซ้ำอีก การแก้ปัญหาการเป็นหนี้ และการปรับโครงสร้างหนี้ภาคเอกชน ซึ่งคือการปรับปรุงระบบการกำกับดูแลกิจการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”