“สยามแก๊ส” ขยาย “คลังก๊าซ-ท่าเรือ” อาเซียน
สยามแก๊ส เดินหน้าขยายการลงทุนกิจการแก๊สปิโตรเลียมเหลวและท่าเรือ 2 แห่ง ใน บังกลาเทศ มาเลเซีย และ เมียนมา ตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโตไม่น้อยกว่า 8-10% เป็นผลจากความต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นางจินตนา กิ่งแก้ว รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้และปริมาณจำหน่ายเติบโตไม่น้อยกว่า 8-10% ผลจากปริมาณความต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น และคาดว่าแก๊ส LPG ในตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ระดับกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
ทั้งนี้ บริษัทคาดปริมาณจำหน่ายปี 2562 เพิ่มขึ้นจากประเทศมาเลเซีย ฝั่งตะวันตกที่เพิ่มเข้ามาประมาณ 10,000 ตันต่อเดือน, ปริมาณจำหน่ายในเมียนมาเพิ่มเป็นมากกว่า 8,000-10,000 ตันต่อเดือน ปริมาณจำหน่ายในประเทศลาวคาดจะเพิ่มเป็น 500 ตันต่อเดือน และที่บังกลาเทศคาดว่าจะเพิ่มเข้ามากว่า 30,000-40,000 ตันต่อเดือน โดยในบังกลาเทศ นั้นบริษัทจะพยายามสร้างยอดค้าปลีกและค้าส่งเพิ่มขึ้น
ส่วนยอดขายในจีนเบื้องต้นจะพยายามรักษาให้ได้ในระดับใกล้เคียงปี 2561 จากปัจจัยปริมาณขายในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้คาดว่าสัดส่วนปริมาณจำหน่ายที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 75% จากเดิมอยู่ที่ 70% ขณะที่ปริมาณจำหน่ายในไทยจะปรับตัวลดลงเหลือที่ประมาณ 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30%
นอกจากนี้ จากความต้องการในประเทศบังกลาเทศที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนกิจการแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในประเทศบังกลาเทศ เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนการลงทุนว่าจะเป็นไปในรูปแบบใดในปี 2562 ปัจจุบันบริษัทได้มีการจำหน่ายแก๊สไปยังประเทศบังกลาเทศแล้วประมาณ 40,000 ตันต่อเดือน
ส่วนความคืบหน้าการร่วมลงทุนกับบริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) เพื่อเข้าร่วมประมูลในการจัดหาแก๊สธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะนี้อยู่ระหว่างรอความชัดเจนการอนุญาตจากภาครัฐ ในส่วนงานการก่อสร้างคลังและท่าเรือเพื่อรองรับแก๊ส LNG หากได้รับความชัดเจนจะรีบแจ้งให้ทราบโดยทันที
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ คลังแก๊สและท่าเรือ 2 แห่งในประเทศมาเลเซียฝั่งตะวันตก และคลังแก๊สและท่าเรือในเมียนมา โดยคลังแก๊สต่างๆ จะเริ่มทยอยดำเนินการได้ตั้งแต่ปี 2563 นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าของ SGP ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 2 โรงในเมียนมา กำลังการผลิต 230 MW และ 10 MW ซึ่งได้จ่ายเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ และผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแกร่งและมั่นคง
อย่างไรก็ตามความต้องการใช้แก๊สในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องต่อภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนที่ขยายตัว ประกอบกับจากการรุกเจาะตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้ ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าปริมาณจำหน่ายและรายได้รวมในสิ้นปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ราคาแก๊ส LPG ในตลาดโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 542 ดอลลาร์ต่อตัน.