ซัมซุงเฉือนเนื้ออัดฉีดเงินใหม่รับแข่งขันดุ
ซัมซุงเตรียมซื้อคืนหุ้น และอัดฉีดเงินลงทุนเพิ่มหมื่นล้านเหรียญ สืบเนื่องจากผลกำไรพลาดเป้าจากยอดขายสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ และการคาดการณ์ว่ารายได้ช่วงไตรมาสสุดท้ายอาจลดลง บริษัท ซัมซุง จึงมีแผนจะระดมเงินลงทุน 50,000 ล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้นคืน และลงทุนในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนชิปส์เพิ่มมากขึ้น ข่าวนี้ทำให้หุ้นดีดตัวขึ้นทันที
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.58 บริษัท ซัมซุง แถลงว่า จะดำเนินการซื้อหุ้นคืนราว 10,000 ล้านเหรียญ และอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนอีก 14% ในปีนี้ การประกาศนี้มีขึ้นหลังจากรายงานผลประกอบการที่เป็นไปตามทิศทางของนักวิเคราะห์
ซัมซุงต้องแข่งขันอย่างรุนแรงกับแอปเปิ้ลในตลาดสมาร์ทโฟน ต้องจัดแคมเปญลดราคา และผลิตรุ่นใหม่หลากหลายรุ่นออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค แต่ผลออกมาก็ยังไม่น่าพอใจ บริษัทจึงพุ่งเป้าไปที่การผลิตชิ้นส่วนชิปส์เพื่อเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น จึงต้องเร่งขยายโรงงานผลิต และประกอบเหล่านี้ เพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เติบโตขึ้น
หุ้นซัมซุงพุ่งสูงขึ้น 4.9% นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.58 เป็นต้นมา ทั้งนี้เงินเพิ่มทุนที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 27 ล้านล้านวอน เนื่องจากบริษัทจะเดินหน้าลงทุนในโรง งานผลิตชิ้นส่วนชิปส์
ทั้งนี้รายได้สุทธิในไตรมาสที่ 3 ของบริษัท ซัมซุงอยู่ที่ 5.31 ล้านล้านวอน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้คือ 5.4 ล้านล้านวอน
เมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) แอปเปิ้ลเพิ่งรายงานว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายไอโฟนเป็นหลัก และจำนวนผู้ซื้อที่เปลี่ยนใจจากแอนดรอยด์ก็มากขึ้นด้วย และจากปริมาณสมาร์ทโฟนจากจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันแก่ซัมซุงมากขึ้น
สำหรับรายได้จากสมาร์ทโฟนของซัมซุงร่วงลงมาก เมื่อปี 2557 และกำลังค่อยๆ เข้าที่ในปี 2558 โดยซัมซุงมีความหวังว่าจะเห็นยอดขายที่พุ่งขึ้นในปี 2559 นี้ โดยสมาร์ทโฟนที่ออกแบบได้ยอดเยี่ยมอย่างรุ่น S6 Edge และ Note 5 น่าจะเป็นแรงหนุนให้เกิดการฟื้นตัวได้ในปีหน้านี้ และคาดว่า รายได้จากการผลิตชิปส์ประมวลผล เพิ่มสูงขึ้นถึง 3.66 ล้านล้านวอน เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้เดิม 2.26 ล้านล้านวอนในปีที่แล้ว
จากการวิเคราะห์ของ บ.ยูจีนอินเวสเมนท์แอนด์ซีเคียวริตี้ส์ การผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดัคเตอร์จะเป็นพลังขับเคลื่อนรายได้ของซัมซุงในไตรมาสนี้ แต่คงจะหวังผลบวกจากค่าเงินที่อ่อนตัวของเกาหลีเองไม่ได้แล้ว และซัมซุงจะเป็นบริษัทผู้ผลิตเมโมรี่ชิปส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก