แพทย์ฮ่องกงสไตรค์ หลังรัฐไม่ปิดด่านจีน
ฮ่องกง (บลูมเบิร์ก) – บุคลากรทางการแพทย์นับพันของฮ่องกงเริ่มหยุดงานประท้วงในวันที่ 3 ก.พ. หลังจากรัฐบาลฮ่องกงปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกเขาให้ปิดด่านเข้าเมืองจากจีน ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีศูนย์กลางในจีน
สถานีวิทยุโทรทัศน์ฮ่องกง (RTHK) รายงานว่า การเจรจาระหว่างพันธมิตรพนักงานโรงพยาบาลและองค์การโรงพยาบาลล้มเหลว หลังจากแคร์รี แลม ผู้บริหารฮ่องกงตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการเจรจาเมื่อวันที่ 2 ก.พ. โดยยกคำพูดของ Winnie Yu ประธานหญิงของสหภาพมารายงานว่า “ การหยุดงานประท้วงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ”
โดยการโหวตลงคะแนนเสียงจากสมาชิกสหภาพกว่า 3 พันคนเมื่อวันที่ 2 ก.พ.สรุปว่า ประมาณ 99%
โหวตให้หยุดงานประท้วง ทั้งนี้ มีสมาชิกกว่า 9 พันคนที่รับปากว่าจะเข้าร่วม โดยเริ่มต้นจากการระงับการให้บริการที่ไม่ใช่กรณีฉุกเฉินจากองค์การโรงพยาบาล ก่อนที่จะขยายเป็นการจำกัดการรักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
องค์การโรงพยาบาลฮ่องกงต้องต้านทานกับแรงกดดันจากหลายกลุ่มให้ปิดทุกด่านพรมแดนที่ติดกับจีน เนื่องจากมีการยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในขณะนี้เกิน 16,000 รายไปแล้ว
รัฐบาลประกาศขยายช่วงวันหยุดของโรงเรียน และสั่งห้ามไม่ให้พลเมืองมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางโรคระบาด เดินทางเข้าเมือง
มาตรการที่รัฐบาลประกาศ “จะล้มเหลวอย่างแน่นอนหากรัฐบาลปฏิเสธที่จะแก้ปมปัญหา” สหภาพระบุเมื่อวันที่ 1 ก.พ. “ หลายประเทศเริ่มประกาศแบนชาวต่างชาติที่มาจากจีน แต่รัฐบาลฮ่องกงเลือกที่จะเปิดประตูกว้างเพื่อต้อนรับ ”
ไม่กี่ชั่วโมงหลังการโหวตของบุคลากรทางการแพทย์ รัฐบาลดูจะเปิดกว้างเพื่อควบคุมมากขึ้นกับการเดินทางเข้ามาจากจีนแผ่นดินใหญ่
“ รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและจะเข้มงวดมากขึ้นในการจัดการเพื่อควบคุม ” โฆษกกล่าว
รัฐบาลได้ขอให้บุคลากรทางการแพทย์ทบทวนการตัดสินใจ และให้บริการผู้ป่วยต่อไป
RTHK รายงานว่า ทางสหภาพ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ระบุว่า การตัดสินใจที่จะหยุดงานประท้วง “ไม่ใช่เรื่องง่าย” ทางกลุ่มยกเลิกการเจรจาตามแผนเดิมกับองค์การโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เพราะผู้บริหารแคร์รี แลมไม่เข้าร่วม โดยระบุว่า การปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในการเจรจาของแลมหมายความว่า การเจรจาล่มลงแล้ว จากข้อมูลในรายงาน
เมื่อวันที่ 2 ก.พ. RTHK ระบุว่า สมาชิกสภาผู้บริหารฮ่องกงระบุว่า พลเมืองฮ่องกงควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ หรือหลีกเลี่ยงความเสี่ยงกับความยุ่งยากหลังกลับจากจีน
สหภาพยังระบุว่า สมาชิกของสหภาพต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายในการทำงานที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อจำนวนมาก รวมทั้งขาดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลในการรับมือกับผู้ป่วยที่ถูกกักตัวรักษา
ความพยายามที่จะต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนากลายเป็นความท้าทายสำหรับทางการฮ่องกง เนื่องจากเริ่มขาดแคลนหน้ากากทางการแพทย์ที่ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของรัฐบาลในการจัดการกับวิกฤตสาธารณสุขนี้
ไวรัสโคโรนาที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ ทำให้ชาวฮ่องกงหวนคิดถึงการระบาดของโรค Sars ในปี 2546 ที่เกิดขึ้นในจีน และทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 300 รายในฮ่องกง.