‘ทรัมป์’ โวยสภาล่างเลื่อนส่งเรื่องถอดถอนให้วุฒิสภา
(รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าววิจารณ์แนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตที่ชะลอการส่งเรื่องการถอดถอนเขาให้วุฒิสภาล่าช้ากว่ากำหนดเดิม
“ นี่ไม่ยุติธรรมเลย” ทรัมป์ระบุ (ไม่กี่วันหลังจากเขาถูกถอดถอนจากสภาล่าง) ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์กับนักศึกษากลุ่ม Turning Point USA ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม โดยเขาชี้ว่าเพโลซีใช้กลยุทธ์เช่นนี้เพราะเธอ “ไม่มีหลักฐาน”
“ พวกเขาละเมิดรัฐธรรมนูญ” ทรัมป์กล่าว โดยเรียกเพโลซีว่า “แนนซีบ้า”
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. สภาผู้แทนราษฎรที่ส.ส.พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากลงมติถอดถอนทรัมป์ และเตรียมส่งต่อให้มีการไต่สวนในวุฒิสภาต่อไป แต่ทรัมป์ไม่มีแนวโน้มว่าจะถูกตัดสินว่าผิด หรือถูกให้ออกจากตำแหน่งจากวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก เพราะต้องใช้เสียงโหวตถึง 2 ใน 3 ของวุฒิสภาในการลงมติถอดถอน
โดยพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตยังทะเลาะกันว่าการไต่สวนจะออกมาเป็นอย่างไร เพโลซีและพรรคเดโมแครตต้องการให้ผู้ช่วยของทรัมป์เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน และพยายามให้มั่นใจว่าการไต่สวนจะเป็นไปอย่างยุติธรรม
Mitch McConnell ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันระบุว่า เขากำลังทำงานประสานกับทางทำเนียบขาวเรื่องการเตรียมไต่สวน ทำให้เขาถูกกล่าวหาจากพรรคเดโมแครตว่า เพิกเฉยไม่ทำหน้าที่ของเขาในการพิจารณาหลักฐานอย่างเป็นกลาง
เพโลซียังไม่ส่งเรื่องถอดถอนให้วุฒิสภาเนื่องจากพยายามกดดันพรรครีพับลิกัน และยังไม่ประกาศตัวผู้จัดการ หรืออัยการ ซึ่งจะเป็นผู้นำเสนอหลักฐานในการไต่สวน
“จนกว่าสภาล่างจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าการไต่สวนในสภาสูงจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร โฆษกจะไม่อยู่ในสถานะจะแต่งตั้งผู้จัดการ และให้มั่นใจว่าวุฒิสภาจะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ตามรัฐธรรมนูญ” จากแถลงการณ์ของสำนักโฆษกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.
โดยเพโลซีระบุว่า วุฒิสมาชิกมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการดำเนินกระบวนการที่ยุติธรรม โดยจัดหาทั้งวุฒิสมาชิก ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นลูกขุน และให้ประชาชนมีโอกาสเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดในประเด็นการใช้อำนาจในทางที่มิชอบของทรัมป์
ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจในทางที่มิชอบด้วยการดึงเงินช่วยเหลือจำนวน 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่จะให้แก่ยูเครน เนื่องจากต้องการกดดันให้ยูเครนประกาศการสืบสวนการทุจริตกับอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญจากพรรเดโมแครตที่จะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับเขาในการเลือกตั้งเดือนพ.ย.2563
ประธานาธิบดียังถูกตั้งข้อหาว่าขัดขวางกระบวนการของสภาคองเกรสด้วยการชี้นำเจ้าหน้าที่ในคณะทำงานของเขาและหน่วยงานไม่ให้ความร่วมมือกับการไต่สวนเพื่อการถอดถอนเขา
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด และมองว่าการถอดถอนเขาเหมือนเป็นการแก้แค้นที่พรรคเดโมแครตพ่ายแพ้เขาในการเลือกตั้งปี 2559