เชื่อมั่นบ.ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นต่ำสุดในรอบ 3 ปี
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ในไตรมาสเดือนต.ค. – ธ.ค. จากผลกระทบของเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวและการปรับขึ้นภาษีบริโภคในญี่ปุ่น จากผลสำรวจของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยดัชนีความเชื่อมั่นที่ครอบคลุมบริษัทที่มีเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 ล้านเยน (282.4 ล้านบาท) อยู่ที่ – 6.2 ในไตรมาส 4 ของปี 2562 นี้ ลดดิ่งลงมาจาก 1.1 ในไตรมาสก่อนหน้า จากผลการสำรวจร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและสำนักคณะรัฐมนตรี
ดัชนีมีการคำนวณจากเปอร์เซนต์ของบริษัทที่รายงานสภาพที่กำลังซบเซาออกจากกลุ่มที่มีการพัฒนาปรับปรุงดีขึ้น
ตัวเลขต่ำที่สุดนับตั้งแต่ดัชนีเคยร่วงลงไปแตะระดับ -7.9 ในไตรมาสเดือนเม.ย. – มิ.ย. ในปี 2559 หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจังหวัดคุมาโมโตะ และเมื่อเงินเยนอ่อนค่าลง
โดยดัชนีคาดการณ์ว่า บรรยากาศทางธุรกิจในไตรมาสหน้าถึงเดือนมี.ค.2563 จะอยู่ที่ 2.0 ขณะที่ไตรมาสต่อไปจะลงมาอยู่ที่ 1.1
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นของการรายงาน มีการขึ้นภาษีบริโภคจาก 8% เป็น 10%
แต่ตัวเลขยังดีกว่า -14.6 ในไตรมาสเดือนเม.ย. – มิ.ย. 2557 ที่มีการปรับขึ้นภาษีบริโภคเป็น 8% จากเดิม 5% โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่งกล่าวกับสื่อว่า ผลกระทบด้านลบที่มีกับดัชนีนับว่ามีมากกว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งก่อนหน้านี้
เมื่อแยกเป็นภาคส่วน ดัชนีผู้ผลิตรายใหญ่ในไตรมาสที่รายงานอยู่ที่ -7.8 โดยลดลงอย่างเห็นได้ชัดในบริษัทที่เกี่ยวกับการผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนจากดีมานด์ที่ทรุดลงในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน
ดัชนีสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ผู้ผลิตอยู่ที่ -5.3 โดยบางส่วนเกิดจากยอดขายที่ซบเซาของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้าหลังการปรับขึ้นภาษีบริโภค และเหตุไต้ฝุ่นถล่ม
สำหรับบริษัทขนาดกลางที่มีเงินทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 100 ล้านเยน (28.24 ล้านบาท) แต่น้อยกว่า 1,000 ล้านเยน ดัชนีอยู่ที่ 10.7 ในเดือนต.ค. – ธ.ค. บนพื้นฐานอุตสาหกรรมโดยรวม ขณะที่บริษัทขนาดเล็กที่มีเงินทุนมากกว่า 10 ล้านเยน ( 2.82 ล้านบาท) แต่น้อยกว่า 100 ล้านเยน ตัวเลขอยู่ที่ -16.3 โดยผลสำรวจครอบคลุม 14,097 บริษัท ซึ่ง 11,490 บริษัท หรือ 81.5% ได้ตอบแบบสอบถามถึงวันที่ 15 พ.ย.
รายงานแยกอีกชิ้นที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ราคาค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และภาษีบริโภคที่เพิ่มขึ้นยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าที่ซื้อขายกันระหว่างบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนที่รายงาน และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนผ่อนคลายลง จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง
โดยการขึ้นภาษีบริโภคยังหนุนให้ราคาสินค้าในประเทศปรับขึ้นครั้งใหญ่
“ แรงกดดันด้านลบกับราคาลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันหยุดผันผวน เนื่องจากมีการคาดการณ์มากขึ้นว่าจะมีการข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ” จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง
เขายังเสริมว่า ธนาคารกลางจะยังคงจับตามองอย่างใกล้ชิดกับพัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน.