ปิด วปส.9 ชี้ 7 โปรเจ็กต์ช่วยอุตฯประกันภัย
“เลขาธิการ คปภ.” ปิดหลักสูตร วปส.9 เผยรุ่นนี้ มีคนดังร่วมเรียนมากสุด ระบุ รายงานทั้ง 7 กลุ่ม มีส่วนร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยไทย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างมาก
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานกล่าวปิดการศึกษาอบรมหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 9 ประจำปี 2562 ณ โรงแรมเดอะริเวอร์รี บายกะตะธานี เชียงราย ว่า หลักสูตร วปส. รุ่นที่ 9 เป็นรุ่นที่มีผู้ให้ความสนใจมากที่สุดตั้งแต่มีการจัดหลักสูตรนี้ โดยผู้เข้าอบรมล้วนเป็นผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ ธุรกิจประกันภัย รวม 101 คน โดยเข้าร่วมรับการอบรม แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในชั้นเรียน และศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งร่วมกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ตลอดจนต้องจัดทำรายงานการศึกษากลุ่ม (Group Project : GP) ในหัวข้อต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อระบบประกันภัยของไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ การจัดทำรายงานการศึกษากลุ่ม (GP) ถือเป็นกิจกรรมที่หลักสูตรฯ ให้ความสำคัญและกำหนดให้นักศึกษาทุกคนเข้าร่วม เพื่อช่วยกันระดมความคิดและแบ่งปันประสบการณ์ในแง่มุมต่างๆ มานำเสนอในรูปแบบรายงานวิชาการ โดยในการปิดหลักสูตร วปส.รุ่นที่ 9 ครั้งนี้ ได้กำหนดให้ผู้เข้ารับการอบรมนำเสนอรายงานการศึกษากลุ่ม GP ต่อคณะอาจารย์ที่ปรึกษา ประกอบด้วยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยต่างๆและผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน คปภ. ตลอดจนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปส.9 ก็ได้ร่วมรับฟังและซักถามด้วย
สำหรับรายงานวิชาการแบ่งเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 หัวข้อการประกันภัยสุขภาพพื้นฐานสำหรับผู้ได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากภาครัฐ (การประกันภัยสุขภาพภาคบังคับ) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของภาครัฐ โดยเฉพาะสวัสดิการจากสิทธิที่ได้รับจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสิทธิตามสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน สร้างความพึงพอใจต่อการรับบริการด้านการรักษาพยาบาล ตอบสนองความต้องการที่รวดเร็ว เสมอภาคและเกิดประโยชน์สูงสุด ถือเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในการบริหารจัดการงบประมาณค่ารักษาพยาบาลให้มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นภาระในการจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
กลุ่มที่ 2 หัวข้อแนวทางการปรับปรุงกรอบการกำกับดูแลการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการเข้าถึงบริการ โดยเสนอผลงานเชิงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการผ่อนคลายการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นและรวดเร็ว ช่วยให้ออกแบบผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และนำเทคโนโลยีมาใช้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงระบบประกันภัยของประชาชนอย่างทั่วถึง
กลุ่มที่ 3 หัวข้อการพัฒนาระบบตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยสุขภาพ โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้จัดการเก็บข้อมูล ติดต่อสื่อสารกับผู้เอาประกัน เช่น ทาง Line, Facebook หรือพัฒนา Application เพื่อใช้ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลประกันภัยให้ครบถ้วนระหว่างการประกันสุขภาพในส่วนของประกันวินาศภัย และการประกันชีวิต ทำให้ผู้เอาประกันภัย สถานพยาบาล บริษัทประกันภัย และหน่วยกำกับดูแล สามารถตรวจสอบสิทธิ และความคุ้มครองจากการทำประกันภัยสุขภาพได้สะดวกและรวดเร็ว สามารถบริหารจัดการด้านการรักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสม ภายใต้วงเงินความคุ้มครองที่ชัดเจน มีการบริหารจัดการข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับตรวจสอบได้อย่างเหมาะสม
กลุ่มที่ 4 หัวข้อยุทธศาสตร์การนำเทคโนโลยีประกันภัยมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยนำเสนอเกี่ยวกับสถานการณ์การออมของคนไทยในปัจจุบันว่า ยังไม่เพียงพอจะรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น โดยเสนอวิธีแก้ปัญหาด้วยการประกันภัย มีแนวคิดนำข้อมูลความแข็งแรงทางร่างกายและสุขภาพมาเป็นส่วนช่วยลดเบี้ยประกันภัย โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เก็บรวบรวมข้อมูล เช่น แอปพลิเคชันเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ การวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ การใช้ระบบ GPS ติดตามพฤติกรรมของแต่ละบุคคล และใช้ Smartwatch เก็บข้อมูลการเดิน การวิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ สร้างเป็นระบบนิเวศ (EcoSystem) ของข้อมูลสุขภาพที่เรียกว่า Smart InsurTech Platform เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและลดเบี้ยประกันภัยตามความแข็งแรงของร่างกาย (Body Age) ของแต่ละบุคคล
กลุ่มที่ 5 หัวข้อ Healthtech เปลี่ยนอนาคต โดยเสนอปัญหาภาพรวมการรักษาผู้ป่วยในรูปแบบผู้ป่วยนอกที่เป็นข้าราชการ ซึ่งเกิดปัญหาด้านต่างๆ เช่น การใช้ยาผิดวิธี การลืมทานยา ใช้ยาไม่ตรงตามแพทย์สั่ง ยาเกิดความเสื่อมสภาพหมดอายุ การเบิกจ่ายยาที่ซ้ำซ้อน ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ป่วย เช่น เกิดอาการแทรกซ้อน ผู้ป่วยไม่หายจากโรค เป็นต้น และยังส่งผลกับงบประมาณภาครัฐที่ถูกใช้จ่ายสูงเกินกว่าความเป็นจริงเนื่องจากปัญหาดังกล่าว และได้เสนอวิธีแก้ปัญหาในการรวมศูนย์ข้อมูลการรักษา การเบิกจ่ายยา และการใช้ยา โดยรวบรวมข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Pharmasafe ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลการใช้ยา ข้อมูลจ่ายยาแก่ผู้ป่วย เตือนเรื่องการใช้ยา การพบแพทย์ ตรวจสอบและเตือนการแพ้ยา แบ่งปันข้อมูลการใช้ยาแก่คนในครอบครัว นำไปใช้ดูแลผู้ป่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งบประมาณของภาครัฐ
กลุ่มที่ 6 หัวข้อการใช้เทคโนโลยีติดตามข้อมูลพฤติกรรมการขับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกขนาดใหญ่ในการคำนวณเบี้ยประกันเพื่อความปลอดภัยของสังคม โดยศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้เกิดระบบการประกันภัยรถยนต์ ด้วยการใช้ข้อมูลพฤติกรรมการขับรถเป็นปัจจัยหนึ่งในการคิดเบี้ยประกันภัย โดยเฉพาะกลุ่มรถโดยสารสาธารณะและรถขนส่งขนาดใหญ่ ทั้งยังนำเทคโนโลยีมาใช้วัดข้อมูลพฤติกรรมการขับรถ การติดตามด้วยระบบ GPS การใช้ mobile app เป็นต้น เพื่อนำผลที่ได้ไปปรับปรุงพฤติกรรมการขับรถและเป็นปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกันภัย ซึ่งเป็นแนวทางลดการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยของสังคม
กลุ่มที่ 7 หัวข้อมาตรการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเชิงรุกเกี่ยวกับประโยชน์การทำประกันชีวิตและกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความ โดยได้ศึกษาหาแนวทางส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเรื่องสิทธิประโยชน์จากเงินกรมธรรม์ล่วงพ้นอายุความแล้วไม่ทราบสิทธิในการรับเงินคืนจากกองทุนประกันชีวิต โดยประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของผู้เอาประกันผ่านช่องทางออนไลน์ สื่อทางยานพาหนะ การจัดงาน Event เป็นต้น รายงานการศึกษากลุ่ม GP เหล่านี้ล้วนใช้นวัตกรรมประกันภัย และตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะได้นำไปประยุกต์ใช้และเป็นประโยชน์ต่อการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย รวมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัย สังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคต
“ต้องขอชื่นชมนักศึกษา วปส.9 ที่ได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถกันเต็มที่ในการนำเสนอรายงานวิชาการ โดยทั้ง 7 หัวข้อ ล้วนเป็นประเด็นร่วมสมัย และผลการศึกษาจะเป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมประกันภัยและประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผมและอาจารย์ที่ปรึกษาได้ซักถามและให้ข้อแนะนำต่างๆ เพื่อให้นำไปปรับปรุงรายงานวิชาการให้ดียิ่งขึ้น และจะได้มีการประชุมเพื่อคัดเลือกสุดยอดรายงานวิชาการดีเด่นเพื่อนำเสนอในงานสัมมนาวิชาการของสำนักงาน คปภ. และนำลงพิมพ์เผยแพร่ในวารสารด้านประกันภัยต่อไป” เลขาธิการ คปภ. ย้ำ.