โนเบิลฯ รายได้โตแรงหนุนขายคอนโดฯ-บุ๊คขายที่ดิน
โนเบิล แจงเหตุรอบ 9 เดือนผลรายได้และกำไรเติบโต เหตุจากการขายอสังหาฯ บุ๊คตัวเลขการขายที่ดินให้บริษัทร่วมทุน หนุนรายได้กว่า 12,115.9 ล้านบาท เติบโตขึ้น 260%
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการในด้านรายได้และกำไรในไตรมาส 3 พุ่งสูงขึ้นว่า เกิดจากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงที่ดินรอการพัฒนา ซึ่งหนึ่งในนั้น โนเบิลได้ดำเนินการขายให้แก่บริษัทร่วมทุน ที่จัดตั้งร่วมกับฮ่องกงแลนด์ในช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งการเติบโตของรายได้ดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดผลประกอบการ โดยบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงใหม่จำนวน 3 แปลง มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อมาพัฒนาโครงการใหม่ ที่จะพร้อมขายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และปี2563 อาทิ โครงการ นิว โนเบิล ศรีนครินท์-ลาซาล เป็นต้น
รวมถึง ได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่มูลค่า 5.20 บาทต่อหุ้น โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2562 โนเบิลดำรงสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.49 เท่า
โดยผลการดำเนินงานไตรมาส3/62นี้ โนเบิล สามารถสร้างรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการ มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,598 ล้านบาท เติบโตขึ้น 368% เนื่องจากในไตรมาสนี้ มีการขายที่ดินรอการพัฒนาออกไป และกำไรสุทธิรวม 1,151.5 ล้านบาท เติบโต 321% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิรวมของงวด 9 เดือนมีมูลค่ากว่า 12,115.9 ล้านบาท และ 2,625.3 ล้านบาท เติบโตขึ้น 260% และ 454% จากช่วงระยะเวลา 9 เดือนของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 ของปี โนเบิลมีโครงการสร้างแล้วเสร็จ เตรียมส่งมอบลูกค้าเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 2 โครงการ คือ โนเบิล รีโคล สุขุมวิท 19 และโนเบิล บี เทอร์ตี้ทรี ซึ่งรวมมูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะเกิดการทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นต้นไป โดยปลายปี 2562 จนถึงต้นปี 2563 โนเบิลได้วางแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อีกอย่างน้อย 2 โครงการได้แก่ “นิว โนเบิล ศรีนครินทร์-ลาซาล” โครงการล่าสุดภายใต้แบรนด์ NUE ซึ่งบริษัทฯ มุ่งหวังเข้าจับกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่ ด้วยการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ NUE รวมถึงโครงการใหม่ใจกลางเมืองกับ “โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี” ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีมูลค่ารวมกว่า 3,500 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้จึง มั่นใจว่า โนเบิล จะสร้างยอดทะลุเป้าหมายทั้งปีกว่า14,000 ล้านบาท.