“บิ๊กตู่” เร่งลงทุนภาคตะวันออก
“ บิ๊กตู่ ” จุดพลุโครงการอีอีซี สั่ง สศช. ลุยเพิ่ม 3 แผนงาน พร้อมเดินหน้าเต็มที่ปี 60 จำนวน 48 โครงการ วงเงินเกือบ 7 พันล้านบาท จากมูลโครงการทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท
“ อีก 2-3 ปี คนไทยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างเศรษฐกิจหลังจากที่เรามีอีอีซี ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนิน การของรัฐบาล ” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ในอนาคต 3 จังหวัดของอีอีซี ซึ่งประกอบการจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทราและตราด จะมีการเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น และแผนการดังกล่าว จะส่งไปถึงการเชื่อมโยงของหัวเมืองใหญ่เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง จะปัจจุบันที่ระบบสาธารณูปโภคไปลงที่เชียงใหม่เกือบทั้งหมด และภูเก็ต ก็สมควรที่จะรถไฟฟ้าวิ่งรอบเกาะได้แล้ว
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (คนพ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมีมติให้เพิ่ม 3 แผนงานใหม่เข้าไปในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ได้แก่ 1.แผนงานด้านนวัตกรรม ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะทำแผนงานด้านนี้ มีเป้าหมายให้พื้นที่อีอีซี มีสถาบันวิจัย กระตุ้นให้อีอีซี เป็นเขตวิจัยและพัฒนารองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม มีการเตรียมบุคลากรแรงงานฝีมือ รองรับงานวิจัย
2.แผนงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยจะมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เข้ามาร่วมจัดทำแผนงาน หากมีระบบไอทีที่มีประสิทธิภาพสูงก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ทำให้เป็นสมาร์ทซิตี้ รวมถึงเรื่องไฟฟ้าและพลังงาน จะมีกระทรวงพลังงานเข้ามาดูแลแผนงาน เนื่องจากเมื่อมีผู้ประกอบการมากขึ้น การผลิตก็ต้องใช้ไฟฟ้าที่เพียงพอ จึงต้องมีแผนรองรับให้เพียงพอรวมถึงปริมาณน้ำที่รองรับด้วยทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตร และสิ่งแวดล้อม และ 3.แผนงานในการดูแลชุมชน และสาธารณสุข ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าในพื้นที่อีอีซีต้องดูแลให้เป็นพื้นที่ที่มีคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดี ต้องแน่ใจว่าคนที่อยู่เดิมจะต้องได้ประโยชน์และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ ที่สำคัญที่สุดคือ อีอีซี จะมีการกฎหมายใหม่ออกมารับรองเรื่องดังกล่าวโดยตรง เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งล่าสุดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีจะเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความ เห็นต่อร่าง พ.ร.บ.โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไปแล้ว และจะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการอีอีซีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จะมีทั้งหมด 173 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 700,000 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องจัดสรรเพื่อดำเนินการรวม 150,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เอกชน หรือภาครัฐร่วมกับเอกชน โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายว่า โครงการแรกจะเริ่มลงทุนได้ช่วงต้นปี 2560
จำนวน 48 โครงการ วงเงินรวม 6,992 ล้านบาท โดยให้ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประ มาณ 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
ทั้งนี้ โครงการอีอีซีเป็นโครงการที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นโครงการที่รัฐบาลคาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมเป้าหมาย 500,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 10 ปี การลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น รถไฟความเร็วสูง การพัฒนาท่าเรือ และสนามบินอู่ตะเภาวงเงิน 400,000 ล้านบาท การลงทุนในด้านเมืองใหม่ โรงพยาบาล โรงเรียน ที่อยู่อาศัย วงเงิน 400,000 ล้านบาท และการลงทุนในด้านการท่องเที่ยวคุณภาพและเชิงสุขภาพ วงเงิน 200,000 ล้านบาท ซึ่งหมดนี้ ยังไม่ได้นับรวม 3 แผนงานที่ผ่านความเห็นจากคณะกรรมการอีอีซี ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน.