ชิลียกเลิกประชุมเอเปค
ชิลีประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย – แปซิฟิก หรือเอเปค ในเมืองซานเทียโกในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนมีกำหนดจะพบกันและประชุมถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่ทั้งสองประเทศใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงในขั้นตอนสุดท้าย
มีการประกาศยกเลิกการประชุมนี้เนื่องจากยังมีเหตุรุนแรงจากการประท้วงเกิดขึ้นในขณะนี้ที่ชิลี จากแถลงการณ์ของประธานาธิบดีเซบาสเตียน พิเนรา
“ นี่่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก แต่อยู่บนพื้นฐานของหลักการที่ถูกต้องของสามัญสำนึก” ประธานาธิบดีพิเนรากล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 ต.ค.
“ ประธานาธิบดีต้องให้ความสำคัญกับคนในชาติเหนือสิ่งอื่นใด” พิเนรากล่าว “ ที่เราใส่ใจคือการจัดระเบียบของประเทศให้มีเสถียรภาพ ความปลอดภัยของพลเมืองของเรา และความสงบของสังคม ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนผ่านนโยบายทางสังคมเพื่อขานรับกับความต้องการหลักของพลเมืองของเรา”
รัฐบาลชิลีขยายประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปยังหลายเมืองทั่วประเทศในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากข้อเสนอจะปรับขึ้นค่าโดยสารขนส่งมวลชนก่อให้เกิดการประท้วงไปทั่วประเทศ
การตัดสินใจยกเลิกการประชุมเอเปคของชิลีก่อให้เกิดการตั้งคำถามว่า เมื่อไรที่ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯและประธานาธิบดีสีของจีนจะได้พบกันเพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมาก
เมื่อช่วงต้นเดือนต.ค. ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯเห็นพ้องในข้อตกลงกับจีนในเฟสแรก โดยเสริมว่าการเจรจาในเฟสสองจะเริ่มทันทีหลังจากมีการลงนามข้อตกลงในเฟสแรกแล้ว
สหรัฐฯยังเลื่อนแผนการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.
โฆษกทำเนียบขาวระบุกับสื่อ CNBC ว่า แม้การประชุมเอเปคไม่มีการสำรองสถานที่จัดงานที่อื่นไว้ แต่สหรัฐฯและจีนจะทำงานประสานกันเพื่อให้ได้ข้อสรูปของข้อตกลง
“ เราตั้งตารอให้ข้อตกลงการค้าครั้งประวัติสาสตร์กับจีนในเฟสแรกเสร็จสมบูรณ์ภายในกรอบเวลา และเมื่อนั้น เราจะมีการประกาศให้พวกคุณทราบ” โฆษกระบุ
โดยทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงจะครอบคลุมในหลายประเด็น เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา และบริการทางการเงิน รวมถึงคำขอให้จีนซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรอเมริกันมูลค่าประมาณ 40,000 – 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.สหรัฐฯ ระบุว่า กำลังพิจารณาขยายเวลาแผนการยกเว้นภาษีมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากทั้งสองประเทศกำลังทำงานประสานความร่วมมือกัน ทั้งนี้ ระยะเวลาการยกเว้นภาษีให้สินค้าเกือบ 1,000 รายการจะหมดลงในเดือนธ.ค.