อียูตกลงเลื่อนเบร็กซิทเป็น 31 ม.ค.
สหภาพยุโรปตกลงที่จะขยายเวลาให้สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากอียูออกไปอีก 3 เดือน
เมื่อเช้าวันที่ 28 ต.ค. โดนัลด์ ทัสก์ ประธานสภายุโรป ซึ่งนั่งเป็นประธานในการประชุมกับรัฐบาล 27 ประเทศ ได้ประกาศการตัดสินใจด้วยการโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า “ อียู 27 ตกลงว่าจะยอมรับคำขอของสหราชอาณาจักรในการขอเลื่อนกำหนดเวลาของเบร็กซิท
ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.2563 โดยคาดว่าจะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการผ่านกระบวนการที่เป็นลายลักษณ์อักษร ”
นี่หมายความว่า สหราชอาณาจักรจะสามารถออกจากอียูในเวลาใดก็ได้ก่อนวันที่ 31 ม.ค.โดยสภายอมรับข้อตกลงในการออกจากอียูที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันทำไว้กับผู้นำ 27 ประเทศในอียูก่อนหน้านี้ในเดือนนี้
คำประกาศของทัสก์มีขึ้นหลังการประชุมระหว่างทูต 27 ประเทศของยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ซึ่งพวกเขาได้ลงนามในการเลื่อนเบร็กซิทเป็นครั้งที่ 3
สหราชอาณาจักรได้ส่งคำขอไปยังอียูก่อนหน้านี้ในเดือนนี้เพื่อให้ขยายเวลาการออกจากอียูออกไปถึงวันที่ 31 ม.ค. โดย 2 – 3 วันต่อมา สภาสหราชอาณาจักรได้ลงมติให้นายกฯ จอห์นสันแก้ไขข้อตกลงในการออกจากอียู แต่ย้ำอีกครั้งว่า จำเป็นต้องมีเวลามากขึ้นในการอนุมัติกระบวนการทางกฎหมายที่จำเป็น
โดยสหราชอาณาจักรมีกำหนดออกจากอียูเดิมในวันที่ 31 ต.ค. หลังจากก่อนหน้านี้มีการขยายเวลาเบร็กซิทมาแล้วถึง 2 ครั้ง
ทั้งนี้ ค่าเงินปอนด์ปรับขึ้นประมาณ 0.1% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายช่วงเช้าในยุโรป
27 ประเทศในอียูได้สรุปกับรัฐบาลสหราชอาณาจักรในปีที่แล้วถึงข้อตกลงในการออกจากอียู อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักร ภายใต้การนำของอดีตนายกฯเทเรซา เมย์ล้มเหลวไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาสหราชอาณาจักรจากความขัดแย้งเรื่องแผนรับมือในประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ เนื่องจากหากสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพศุลกากร จะต้องมีการตรวจสินค้าที่ด่านพรมแดน มีความกังวลกันว่าหากมีด่านศุลกากร จะเกิดความแตกแยกและกลายเป็นความรุนแรงในไอร์แลนด์เหนือเหมือนในอดีต จึงทำให้ตกลงกันไม่ได้ในประเด็นนี้
โดยอียูไม่ยอมแก้ไขข้อตกลงกับรัฐบาลใหม่ที่นำโดยนายกฯ จอห์นสัน ซึ่งมีการสรุปก่อนหน้านี้ในเดือนต.ค.นี้
จากร่างเอกสารเดียวกัน อียูเตือนสหราชอาณาจักรว่า ตราบเท่าที่ยังคงเป็นสมาชิกของอียู มีระเบียบที่จะต้องมีคณะกรรมาธิการประจำในกรุงบรัสเซลส์
การขยายเวลาออกไปอีกครั้งหมายความว่าสหราชอาณาจักรและอียูจะมีเวลาน้อยลงในการเจรจาการค้า
เมื่อออกจากอียู ภายใต้ข้อตกลงซึ่งเป็นที่ยอมรับ จะมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจนถึงสิ้นปี 2563 ซึ่งอาจขยายออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 ยิ่งสหราชอาณาจักรใช้เวลาในการออกจากอียูนานขึ้น ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจะยิ่งน้อยลง โดยในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน ทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าระหว่างกัน