จีนมี ‘ยูนิคอร์น’ แซงหน้าสหรัฐฯ ครั้งแรก
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. มีรายงานว่า จีนมีจำนวนสตาร์ทอัพ ‘ยูนิคอร์น’ หรือสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 30,420 ล้านบาท ) มากกว่าสหรัฐฯ
โดยมี 206 บริษัทที่เป็นของจีนจากสตาร์ทอัพมูลค่าสูงลิ่วทั้งหมดทั่วโลก 494 แห่ง ในเดือนมิ.ย. 2562 จากรายงานหูรุ่น (Hurun Report) ซึ่งเป็นรายงานของบริษัทวิจัยหูรุ่นในจีน
ทำให้จีนพุ่งขึ้นมาเป็นประเทศที่มีจำนวนยูนิคอร์นมากที่สุดในโลก เบียดสหรัฐฯ หล่นมาอยู่ในอันดับ 2 ด้วยจำนวนยูนิคอร์น 203 แห่ง
“ จีนและสหรัฐฯมีจำนวนบริษัทที่เรียกกันว่ายูนิคอร์นรวมกันคิดเป็น 80% ทั่วโลก แม้จะคิดเป็นเพียง 50% ของ GDP โลก และเป็นเพียง 25% ของจำนวนประชากรในโลก”Rupert Hoogewerf ประธานผู้จัดทำรายงานหูรุ่นระบุ
“ ประเทศอื่นๆในโลกจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในประเทศตัวเอง ที่หนุนให้ยูนิคอร์นผลิดอกออกผล”
จากข้อมูลในรายงาน จีนเป็นบ้านเกิดของ 3 ยูนิคอร์นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกคือ อาลีบาบา บริษัทในเครือของ Ant Financial , ByteDance ผู้ผลิตแอป และตีตี้ชูซิง ผู้ให้บริการรถร่วมโดยสาร ซึ่งมีมูลค่ารวมกันถึง 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 8.51 ล้านล้านบาท )
โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง Airbnb และผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซอย่าง WeWork ก็อยู่ในรายชื่อด้วย
หูรุ่น ซึ่งเผยแพร่ Global Unicorn List ออกมาเมื่อวันที่ 21 ต.ค. กล่าวกับสื่อ AFP ว่าเป็นครั้งแรกที่จำนวนยูนิคอร์นของจีนได้รับการยืนยันจากนักวิจัยว่ามีจำนวนแซงหน้าสหรัฐฯ ขณะที่รายงานอีกฉบับจาก Visual Capitalist บริษัทวิจัยอีกแห่ง พบว่ามีเพียง94 ยูนิคอร์นจากจีน เมื่อเทียบกับ 156 ยูนิคอร์นของสหรัฐฯ จากข้อมูลเดือนพ.ค.2562
Hoogewerf ระบุว่า บริษัทในรายชื่อก่อตั้งขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อนโดยเฉลี่ย และมากกว่าครึ่งมาจาก 5 อุตสาหกรรม “ ที่เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก”
ส่วนใหญ่ของยูนิคอร์นทั่วโลกคือ อีคอมเมิร์ซ และฟินเทค รองลงมาคือระบบคลาวด์ ,ปัญญาประดิษฐ์และโลจิสติกส์ จากรายงานหูรุ่น
นอกจากนี้ บริษัทที่อยู่ในรายชื่อจำนวนหนึ่งเคยเป็นหน่วยย่อยของบริษัทขนาดใหญ่ที่แตกธุรกิจออกมา
“ แน่นอนว่าบริษัทในจีนเป็นยูนิคอร์นที่แตกออกมาจากบริษัทแม่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยมี 18 แห่งจาก 20 แห่งของโลก” Hoogewerf กล่าว
“ ตัวอย่างเช่น อาลีบาบา เริ่มทำ Alipay ก่อนที่จะแตกธุรกิจฟินเทคเข้าไปรวมอยู่ใน Ant Financial ในปี 2557”