คาดศก.เมียนมาปีหน้าโต 6.6%
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเมียนมาจะเติบโต 6.6% ในปี 2563 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 6.5% ในปีนี้
โดยธนาคารโลกยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตยิ่งขึ้นเป็น 6.7% ในปี 2564 และ 6.8% ในปี 2565
จากรายงานประจำปี World Bank East Esia and Pacific Economic Update การเติบโตของเมียนมาได้อานิสงส์จากการลงทุนในภาคการผลิต ประกันภัย และการก่อสร้างและยังได้แรงหนุนจากการปฏิรูปตลาดด้วย
รายงานระบุว่า หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงจาก 6.8% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 6.5% ในปี 2562 นี้ จากภาคบริการที่ซบเซาและเงินเฟ้อสูง “ คาดการณ์ว่าการเติบโตจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นในระยะกลาง”
การปฏิรูปนโยบายส่งผลให้มีการเปิดเสรีในอุตสาหกรรมประกันภัย , นโยบายฟรีวีซ่าสำหรับหลายประเทศ , การนิรโทษกรรมทางภาษีกับเงินทุนที่ซุกซ่อนอยู่ และหลายนโยบายกำลังออกดอกออกผล
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเมียนมายังคงมีปัจจัยเสี่ยงด้านลบ เช่น ภัยธรรมชาติที่สั่นคลอนเสถียรภาพของภาคเกษตรกรรม ซึ่งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจที่พึ่งพาการเกษตรเป็นหลักของเมียนมา โดยข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศอาเซียนระบุว่า เมียนมาประสบภัยน้ำท่วม 3 ครั้งและพายุ 1 ครั้งในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกระบุว่า ยังคงมีการจับตาผลกระทบจากเงินเฟ้อและภาษีไฟฟ้าที่เพิ่งจัดเก็บ ขณะที่ยังมีผลกระทบจากวิกฤตความไม่สงบในรัฐยะไข่และความขัดแย้งยังคงดำเนินอยู่
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาในเมียนมาลดลงจากเดิม 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2558 ลงมาอยู่ที่ 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 และมีโอกาสน้อยที่จะฟื้นตัวในปีนี้
สงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนที่ยังดำเนินอยู่ส่งผลกระทบกับเมียนมาน้อย แม้ก่อนหน้านี้ ธุรกิจจำนวนมากกระตุ้นให้รัฐบาลเร่งคว้าความได้เปรียบจากโอกาสนี้ ด้วยการออกมาตรการที่ดึงดูดบริษัทผู้ผลิตให้ย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่เมียนมา
“ ขณะที่หลายบริษัทมองหาหนทางที่จะหลีกเลี่ยงภาษี เป็นเรื่องยากสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่จะแทนที่บทบาทของจีนในเชนที่มีมูลค่าทั่วโลกได้ในระยะสั้น เนื่องจากขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอและการผลิตที่มีขนาดเล็ก”
จากความเห็นของ Andrew Mason หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียตะวันออกและแปซิฟิกประจำธนาคารโลก