ธอส.เด้งรับโจทย์รัฐออกสลากปล่อยกู้กระตุ้นศก.
ธอส.ขานรับใบสั่ง “รองฯ สมคิด-อุตตม” ดูดเงินจากการออกสลากฯทั้ง 3 ชุด 1 แสนล้านบาท ปล่อยกู้ให้คนไทยได้มีบ้านของตนเอง คิดดอกเบี้ยต่ำ 2.7% เชื่อปล่อยกู้ล็อตแรกเริ่มปลาย ส.ค.นี้ มั่นใจเงินกู้รอบใหม่มีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3 เท่าของวงเงินปล่อยกู้รอบนี้
นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงนโยบายเร่งด่วนที่ได้รับจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และจาก นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง โดยเฉพาะประเด็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ว่า ธอส.คาดว่าจะมีเม็ดเงินที่ได้จากการออกสลากออมทรัพย์ ธอส. ทั้ง 3 ชุด ราว 1 แสนล้านบาท เพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยในราคา 3-5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 2.75% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยประเภทเดียวกันในตลาดจะอยู่ประมาณเกือบ 4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน การซื้อบ้านที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ตั้งแต่การจ้างงาน วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ จะช่วยทำให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจของไทยในช่วง 6-9 เดือน นับจากการปล่อยกู้รอบแรกช่วง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นราวปลายเดือน ส.ค.นี้ และจะทำให้เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 3 เท่าของเม็ดเงินที่ปล่อยกู้ในครั้งนี้
สำหรับวงเงินดังกล่าว มาจากการออกสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุด “วิมานเมฆ 1” จำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ มียอดจองซื้อ ณ วันที่ 5 ส.ค.62 เกินมา 339 ล้านบาท โดยหากการปิดจองในวันที่ 15 ส.ค.นี้ พบว่ามียอดจองเป็นจำนวนเท่าใด ก็จะเปิดให้มีการจองซื้อในรอบที่ 2 ทันที เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดขายสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุด “วิมานเมฆ 1” รอบใหม่ อีกราว 20,000 ล้านบาท
เมื่อรวมกับสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุด “วิมานเมฆ 2” จำนวน 3,000 หน่วยๆ ละ 10 ล้านบาท ที่เปิดขายให้เฉพาะกลุ่มนิติบุคคล จะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นอีก 30,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ธอส.ยังเตรียมจะออกสลากออมทรัพย์ ธอส. ที่กำหนดราคาขาย 20,000 บาทต่อหน่วย หลังจากการออก ชุด “วิมานเมฆ 2” ไปแล้ว รวมเป็นวงเงินอีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อการตอบโจทย์ของรัฐบาล ทั้งในแง่ของการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ในระดับหนึ่งทีเดียว.