อเวนเจอร์ส์ : เอ็นด์เกมโค่นอวาตาร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. บริษัทดิสนีย์ประกาศว่า ภาพยนตร์เรื่อง อเวนเจอร์ส์ : เอ็นด์เกม ทุบสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศพร้อมทำรายได้มากถึง 2,790 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 86,096 ล้านบาท โค่นภาพยนตร์ “อวาตาร์ส์” ที่เคยทำได้ 2,789.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 86,065 ล้านบาท
อเวนเจอร์ส์ เอ็นด์เกม ได้ฉายในโรงภาพยนตร์เพียง 87 วัน ส่วนคู่แข่งอย่าง อวาตาร์ ได้ฉายในโรงภาพยนตร์นานถึง 234 วัน เมื่อเข้าฉายในครั้งแรก ก่อนจะมีการฉายใหม่อีกครั้งในปี 2553
เอ็นด์เกม เริ่มฉายในเดือน มิ.ย.ก่อนที่มาร์เวล สตูดิโอ จะเริ่มฉายภาพยนตร์อีกเวอร์ชันที่ได้มีการระลึกถึงสแตน ลี รวมถึงฉากที่ถูกลบไป และตัวอย่างภาพยนตร์ “สไปเดอร์-แมน :ฟาร์ ฟรอม โฮม” หลังเครดิตจบอีกด้วย
โดยการนำภาพยนตร์มาฉายอีกครั้งเป็นเพราะทางสตูดิโอหวังว่าข่าวลือเกี่ยวกับตัวภาพยนตร์จะยิ่งแพร่สะพัดและจะดึงดูดให้ผู้ชมกลับมาดูอีกครั้ง ในขณะนั้น เอ็นด์เกม ยังตามหลังอวาตาร์อยู่ถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีคำถามมากมายว่าจะสามารถทุบสถิติลงก่อนหมดฤดูร้อนได้หรือไม่
พอล เดอร์ดาราเบเดียน นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสจากคอมสกอร์ ระบุว่า “อวาตาร์เป็นราชาครองบัลลังก์บ็อกซ์ออฟฟิศ พร้อมยังล้มผู้ท้าชิงรายอื่น ๆ มาได้นานเป็นทศวรรษ และแม้อวาตาร์จะมีแต้มต่อที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เอ็นด์เกมก็ทำทุกวิถีทางเพื่อยึดบังลังก์มาจนได้”
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เควิน เฟจ หัวหน้าของมาร์เวล สตูดิโอ ประกาศท่ามกลางฝูงชนในฮอล H ที่งานคอมมิค-คอน ที่ซานดิเอโกว่า อีกไม่กี่วันเอ็นด์เกมก็จะเอาชนะอวาตาร์ได้แล้ว
อลัน ฮอร์น ประธานร่วมและผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ของวอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า “ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งใหญ่กับทีมงานของมาร์เวล สตูดิโอ และวอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ และขอบคุณแฟนคลับทั่วโลกที่ช่วยให้ “อเวนเจอร์ส์: เอ็นด์เกม” ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้สูงที่สุดในประวัติการณ์”
เขากล่าวว่า “แน่นอนว่าแม้จะผ่านมานานเป็นทศวรรษ แต่กระแสความโด่งดังของภาพยนตร์เรื่อง อวาตาร์ โดยเจมส์ คาเมรอน ยังคงทรงพลังมาจนถึงปัจจุบัน และผลความสำเร็จของภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่อง จะกลายเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้คน และนำพวกเขาเหล่านั้นมาร่วมกันเพื่อแบ่งปันประสบการณ์อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีความสามารถและอยู่เบื้องหลังโลกต่าง ๆ ยังมีผลงานอีกมากมายซ่อนอยู่ และเราจะเฝ้ารอผลงานจากมาร์เวล ซินิมาติก ยูนิเวิร์ส และแพนดอรา ต่อไปในอนาคต”
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตอีกว่า ดิสนีย์ได้กลายเป็นเจ้าของ อวาตาร์ และภาพยนตร์ภาคต่อในอนาคตอีก 4 ภาค เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการของ ฟ็อกซ์ เมื่อต้นปี.