นร./นศ.ฮ่องกงประท้วงต่อ ไม่เข้าเรียนอีก
ฮ่องกง (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 3 ก.ย.นักเรียนและนักศึกษาในฮ่องกงยังคงมีการบอยคอตไม่เข้าเรียน และประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ยิ่งทวีความตึงเครียดให้กับวิกฤตการเมืองในฮ่องกงมากยิ่งขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ นักเรียน ศึกษาหลายพันคนชุมนุมกันที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งในวันที่ 2 ก.ย. ทุกคนต่างสวมหน้ากากกันแก๊สพิษ และจับมือเรียงต่อกันเป็นโซ่มนุษย์ และตะโกนเรียกร้องให้ฮ่องกงมีการปกครองตนเองที่เป็นอิสระจากรัฐบาลกลางของจีน
สื่อรอยเตอร์มีรายงานพิเศษเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงกล่าวกับกลุ่มผู้นำทางธุรกิจในสัปดาห์ที่แล้วว่า เธอได้ก่อให้เกิด “ความเสียหายที่ไม่อาจให้อภัยได้” จากวิกฤตการเมืองด้วยการเสนอร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปจีน ซึ่งปัจจุบันถูกระงับไปแล้ว
โดยเธอระบุว่า เธอจะออกจากตำแหน่งถ้าเธอทำได้ จากคำกล่าวของเธอที่มีการบันทึกเสียงไว้ ขณะที่โฆษกของแลมคนหนึ่งระบุว่า จะไม่ขอออกความเห็นเรื่องการประชุมส่วนตัวครั้งนี้
การประท้วงที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนมิ.ย.จนถึงตอนนี้ จีนยังไม่ได้ใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม ใช้เพียงตำรวจปราบจลาจล ที่มีการใช้แก๊สน้ำตา ฉีดน้ำพ่นใส่ผู้ชุมนุม กระบอง และบางครั้งมีการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ ผู้ประท้วงในเหตุปะทะที่กลายเป็นจลาจลรุนแรง
และจีนพยายามควบคุมเหตุความไม่สงบให้ได้ก่อนครบรอบ 70 ปีของการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ในวันที่ 31 ต.ค.นี้
ความตึงเครียดของการประท้วงเพิ่มสูงขึ้นในคืนวันที่ 2 ก.ย. ทำให้ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมุนมในย่านมองก๊อกที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นในเกาลูน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการประท้วงที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน โดยผู้ประท้วงจุดไฟเผาที่กั้นจราจร และขว้างปาระเบิดเพลิงเข้าใส่ตำรวจ ขณะที่ตำรวจตอบโต้ด้วยการฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ใช้แก๊สน้ำตา และกระบอง
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเต็มรูปแบบในฮ่องกงที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และส่งมอบคืนให้จีนในปี 2540 ฮ่องกงจึงมีการปกครองแบบ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ทำให้ฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษ มีระบบตุลาการที่เป็นอิสระ แต่ตอนนี้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากกำลังกลัวว่ารัฐบาลปักกิ่งกำลังลิดรอนเสรีภาพของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่สามารถมีสิทธิในการเลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงเองได้
ทั้งนี้ ฮ่องกงซึ่งเป็นฮับการเงินและท่าเรือสำคัญในเอเชีย กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ จากผลของการประท้วง ซึ่งทำลายการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง