ปลัดมหาดไทยสั่งกวาดล้างเจ้าหนี้นอกระบบ
• คาดลูกหนี้กว่า 1 ล้านรายแห่ลงทะเบียนล้วน
• วันที่ 15 ธ.ค.เชิญเจ้าหน้ามาพิสูจน์ความจริง
• สั่ง “สองเกลอหัวแข็ง” ทำงานเต็มที่ไม่มีถอย
ปลัดมหาดไทย ร่วมมอบแนวทางปฏิบัติ “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” ให้กับผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจ นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ เน้นย้ำ ฝ่ายปกครองต้องบูรณาการร่วมกับตำรวจปราบปรามผู้มีอิทธิพลและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบแนวทางปฏิบัติ “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่ของ นายกรัฐ มนตรี ที่เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ต้องทุกข์ยากกับการรับภาระที่ต้องชำระหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่จะสามารถรับผิดชอบได้ อันส่งผลกระทบถึงความมั่นคงของครอบครัว ความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้ประกาศให้ “ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ” และได้เป็นประธานในการ Kick off เดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นาย อำเภอ รวมถึงผู้อำนวยการเขตของกรุงเทพมหานครได้บูรณาการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามอำนาจหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการเปิดรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบใน 76 จังหวัด และพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 – 7 ธ.ค. มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนทั้งในระบบออนไลน์และด้วยตนเอง ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต เป็นจำนวนมากกว่า 80,000 ราย มีมูลหนี้สูงเกือบ 4,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่คณะทำงานหนี้นอกระบบได้กำหนดไทม์ไลน์ไว้จะมีพี่น้องประชาชนมาลงทะเบียนจำนวนเกือบ 1 ล้านราย
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ คณะทำงานหนี้นอกระบบของกระทรวงมหาดไทยได้มีการทำงานลักษณะคู่ขนาน กล่าวคือ กระทรวงมหาดไทยทำการรับลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 – 31 มี.ค.2567 โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2566 จะเป็นห้วงของการเชิญเจ้าหนี้นอกระบบมาพูดคุยเพื่อพิสูจน์ความจริง และดำเนินการเข้าสู่ขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย ซึ่งขณะนี้ก็มีในบางอำเภอได้เริ่มดำเนินการแล้ว
“โดยพบว่า ประสบความสำเร็จ และมีการตื่นตัวในการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยและงดในเรื่องของการเก็บดอกเบี้ยอัตราสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ควบคู่กับอีกส่วนที่สำคัญคือ กระทรวงการคลัง ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ธนาคารของรัฐเข้ามาเป็นเจ้าหนี้ที่ถูกกฎหมายแทนเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งในส่วนนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการที่จะประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบ แล้วเข้ามารับความช่วยเหลือต่อไป”
ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อยากให้ทุกคนหลอมรวมหัวใจดวงเดียวกันในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากให้พ้นจากการเป็นทาสของหนี้นอกระบบ โดยมีเรื่องใหญ่ที่สำคัญ คือ เราจะทำอย่างไรให้ลูกหนี้นอกระบบมาแสดงตน มาให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นจริง เพื่อพิสูจน์ ตรวจสอบ กลั่นกรอง สกัดเอาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงออกมาให้เกิดความชัดเจนว่า หนี้นอกระบบที่มีอยู่มีมูลหนี้จำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้ทางกระทรวงการคลังได้มีข้อมูลที่เป็นจริงและสถาบันการเงินได้ให้ความช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบต่อไป
“ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้มีการสำรวจผ่านระบบ ThaiQM ในห้วงที่ผ่านมา พบว่ามีลูกหนี้นอกระบบประมาณ 260,000 กว่าราย ซึ่งได้ดำเนินแก้ไขไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือแก้ไขประนีประนอมอีก 23,000 กว่าราย แต่จากการลงทะเบียนหนี้นอกระบบ 7 วันที่ผ่านมา ยังพบว่ามีลูกหนี้เข้ามาลงทะเบียนเป็นจำนวนมากถึงเกือบ 80,000 รายแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจ ให้ประชาชน ผู้ได้รับความเดือดร้อนมาลงทะเบียนให้มากที่สุด”
ปลัดกล่าวต่อไปว่า “ประการสำคัญ” คือ ต้องมีการบูรณาการความร่วมมือกันของฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ได้แบบ “สองเกลอหัวแข็ง” เช่น ความสำเร็จที่อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ที่สามารถจับกุมแก๊งทวงหนี้นอกระบบที่มาทำลายข้าวของภายในร้านส้มตำตามที่ปรากฏภาพข่าวตามสื่อออนไลน์ได้
แต่หากเราจะมองถึงเรื่องความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบระยาว คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความมั่นคงและความสุขอย่างยั่งยืนด้วยการน้อมนำ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตจนเป็นวิถีชีวิต เพราะหากดูจากสถิติของผู้มาลงทะเบียนจะเห็นได้ว่า พื้นที่ที่มีสถิติหนี้นอกระบบสูงมากส่วนใหญ่เป็นเมืองใหญ่ อาทิ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครราชสีมา ขอนแก่น
ขณะที่จังหวัดเล็ก ๆ มีผู้ลงทะเบียนน้อย แสดงให้เห็นได้ว่าในจังหวัดเล็ก ๆ เหล่านั้น ผู้เป็นหนี้มีจำนวนน้อย เพราะมิได้อยู่ในเมืองใหญ่ และในพื้นที่จังหวัดเล็ก ประชาชนส่วนใหญ่ยึดหลักการพึ่งพาตนเอง ทำให้ไม่เป็นหนี้สิน
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และพร้อมที่จะบูรณาการเชิงรุกร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในทุกมิติอย่างครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง เป็นตัวการในการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ และการจัดให้มีสินเชื่อในระบบ เพื่อให้ประชาชนได้หลุดพ้นวงจรการมีหนี้สินล้นพ้นตัว
“ที่ผ่านมาทางกระทรวงการคลังมีระบบการให้ใบอนุญาตปล่อยสินเชื่อในระบบตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นช่องทางให้กับเจ้าหนี้นอกระบบที่อยากจะเข้าสู่ระบบ โดยสามารถมาขออนุญาตได้ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันเรามีการอนุญาต ขึ้นทะเบียนกว่า 1,232 ราย จึงขอฝากไปยังทุกหน่วยงานให้ดำเนินการกับคนที่ไม่สมัครใจในการไกล่เกลี่ย ขอให้พวกเราบูรณาการการทำงานกันอย่างเข้มแข็ง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม”
พลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยที่รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมที่จะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามหรือการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการประชุมมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในสังกัด ตั้งแต่กองบัญชาการ กองบังคับการ และหัวหน้าสถานีตำรวจ ทั้ง 1,484 สถานีทั่วประเทศ ระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบเชิงบูรณาการ และมีการเตรียมการเพื่อปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล แบ่งออกเป็น 3 มิติ คือ
1.การบริการด้านข้อมูลรับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหาหนี้นอกระบบ ทางสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ประชาชนทั่วประเทศสามารถร้องเรียนและขอความช่วยเหลือ
2.การบังคับใช้กฎหมายหลังจากที่ได้รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ในระบบจากช่องทางต่าง ๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาร่วมวิเคราะห์กับฐานข้อมูลผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จากระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปสู่การคัดแยกประเภทเจ้าหนี้ จัดลำดับความสำคัญ และพิสูจน์ทราบการกระทำความผิด จากนั้นจะส่งเบาะแสข้อมูลผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ให้แก่สถานีตำรวจทั่วประเทศเพื่อจับกุมและดำเนินคดี
และ3.การไกล่เกลี่ยเชิงบูรณาการ ด้วยการลงพื้นที่ติดตามช่วยเหลือผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกระดับปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และไม่ให้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนร่วมทั้งทางตรงทางอ้อมกับผู้กระทำความผิด พร้อมที่จะร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง