มาเลเซียแต่งตั้งผู้ว่าแบงค์ชาติคนใหม่
มาเลเซียแต่งตั้งนายมูฮัมมัด อิบราฮิม รองผู้ว่าการ ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางเมื่อวันที่ 27 เม.ย.
หลังจากระยะเวลาหลายเดือนที่เศรษฐกิจมาเลเซียไม่มีเสถียรภาพจากการเกษียณอายุล่วงหน้าของ ดร. เซติ อัคตาร์ อาซิส
ข้อมูลจากสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายมูฮัมหมัด อิบราฮิม จะขึ้นดำรงตำแหน่งในวันที่ 1 พ.ค.นี้ และมีวาระการดำรงตำแหน่งทั้งหมด 5 ปี
โดยนายนาจิบ ราซะก์ นายกรัฐมนตรีระบุว่า “ผมมั่นใจว่า ด้วยความเป็นผู้นำของนายมูฮัมหมัดจะสามารถทำให้ธนาคารแห่งชาติของมาเลเซียดำเนินการได้อย่างราบรื่นในการช่วยเหลือรัฐบาล ทั้งให้คำแนะนำและให้การกำกับดูแลการเงินของประเทศ รวมทั้งการทำให้ธนาคารแห่งชาติมาเลเซียมีการพัฒนาทางการเงินอีกด้วย”
ทั้งนี้ ค่าเงินริงกิตแข็งค่ามากขึ้นหลังจากการประกาศในครั้งนี้
นายมูฮัมหมัดยังมีงานยากรออยู่มาก เพราะราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฉุดเศรษฐกิจให้ซบเซาลง รวมไปถึงปัญหาทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงส่งผลให้เกิดความกังวลแก่นักลงทุนทั่วโลก
เขาจะเป็นประธานการประชุมนโยบายในวันที่ 19 พ.ค. และเขาจะปรากฏตัวต่อสาธารณชนสำหรับการประกาศตัวเลขการเติบโตในไตรมาสแรกวันที่ 13 พ.ค.
หลังจากการดำรงตำแหน่งยาวนานกว่า 16 ปีของดอกเตอร์ เซติ ส่งผลให้นักธุรกิจและนักลงทุนต่างให้ความสนใจกับการดำเนินงานในอนาคตและความมั่นคงของธนาคารกลาง
ค่าเงินริงกิตของมาเลเซียและตลาดพันธบัตรในปีนี้ เข้าสู่ภาวะสงบนิ่งหลังจากถูกกระทบอย่างรุนแรงในปี พ.ศ.2558 จากความกังวลเรื่องราคาด้านพลังงานที่ตกต่ำ และความไม่มั่นคงทางการเมือง ค่าเงินริงกิตอ่อนค่าลงไปกว่า 19% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี พ.ศ.2558
ดร.เซติ จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 30 เม.ย. โดยเธอเคยได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งในผู้นำที่ดีที่สุดของธนาคารแห่งประเทศมาเลเซียในนิตยสารการเงินในปี พ.ศ.2552
ทั้งนี้ นายมูฮัมหมัดนั้นเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ดร.เซติ เขาเองเคยเป็นตัวแทนของเธอตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 ในชีวิตการทำงานในธนาคารกลางตลอด 32 ปีของเขา นายมูฮัมหมัดเคยมีบทบาทสำคัญในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียในฐานะกรรมการผู้จัดการของ ดานาโมดัล เนชันน่อล เบอร์ฮาด
นอกจากนี้ นายมูฮัมหมัดเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดโนบายธนาคารและเป็นคณะกรรมการอิสระของบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ปีโตรนาส
โดยเขาสอบได้ใบอนุญาตนักบัญชีและจบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาลัยมาลายา จบปริญญาโทจากมหาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาโทจากสาขาการธนาคารอิสลามและการเงินจากมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติมาเลเซีย
ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ 5% ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งถือว่าชะลอตัวลงจาก 6% จากปี พ.ศ.2557
โดยนายนาจิบได้แก้ไขงบประมาณของปี พ.ศ.2559 เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก และปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของปี 2559 จาก 4.0-4.5% เป็นร้อยละ 4.0-5.0%.