ทรัมป์หนุนแผนช่วยเหลืออาหารให้โสมแดง
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. เกาหลีใต้ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯสนับสนุนแผนการของเกาหลีใต้ในการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารเพื่อมนุษยธรรมกับเกาหลีเหนือ หลังจากสหประชาชาติรายงานว่าเกาหลีเหนือประสบปัญหาการเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรที่เลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษ ทำให้ขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง
โดยประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้มีการสนทนากันทางโทรศัพท์นาน 35 นาทีเมื่อวันที่ 7 พ.ค. และปรึกษากันเรื่องการเจรจากับเกาหลีเหนือ ในประเด็นการทดสอบอาวุธในสัปดาห์ที่แล้ว จากแถลงการณ์ของทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้
“ ผู้นำทั้งสองท่านมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันจากรายงานสถานการณ์อาหารในเกาหลีเหนือ” แถลงการณ์ระบุ
“ ประธานาธิบดีทรัมป์ประเมินการจัดเตรียมอาหารของเกาหลีใต้เพื่อมนุษยธรรมว่าเป็นมาตรการที่ถูกเวลาและเป็นมาตรการที่ดี และให้การสนับสนุนเรื่องนี้”
โดยประธานาธิบดีทั้งสองยังได้มีการพูดคุยเรื่องการไปเยือนเกาหลีใต้ของทรัมป์ “ ในอนาคตอันใกล้” แถลงการณ์ระบุ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
แถลงการณ์ทำเนียบขาวระบุแต่เพียงว่า ทรัมป์และมุนปรึกษากันเรื่องพัฒนาการของเกาหลีเหนือ และการที่จะบรรลุข้อตกลง “ การปลดอาวุธอย่างเต็มรูปแบบในที่สุด”
อย่างไรก็ตาม เมื่อทรัมป์ถูกถามเมื่อเดือนที่แล้วว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรกับเกาหลีเหนือหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่าเขาและมุนกำลังคุยกัน “เรื่องมาตรการทางมนุษยธรรม” และความเป็นไปได้ที่เกาหลีใต้จะช่วยเกาหลีเหนือด้านอาหาร
รายงานของสหประชาชาติที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า ชาวเกาหลีเหนือ 4 ใน 10 คนขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง และคาดการณ์ว่าจะมีการลดการปันส่วนอาหารลงอีกหลังจากมีปัญหาการเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรที่เลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษ
โดยแถลงการณ์ของเกาหลีใต้ระบุว่า แม้เกาหลีเหนือจะทดสอบอาวุธ ทรัมป์และมุน “ มีการปรึกษากันที่จะให้มีการกลับมาพูดคุยเรื่องการปลดอาวุธอีกโดยเร็วที่สุด จะคุยกับเกาหลีเหนือเรื่องการปลดอาวุธอย่างต่อเนื่อง ”
ทรัมป์และคณะทำงานจับตาดูการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือที่มีขึ้นในวันที่ 4 พ.ค. โดยนักวิเคราะห์ด้านกองทัพระบุว่าอาจเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้
นักวิเคราะห์ตีความว่าเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธเพื่อเป็นการกดดันทางวอชิงตันให้มีการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างมีเหตุผล หลังจากการประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์และคิมในเดือนก.พ.ที่ผ่านมาในกรุงฮานอยล้มเหลว.