ทรัมป์คุยอาเบะเรื่องเกาหลีเหนือ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ว่า เขาได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและการค้า หลังจากเกาหลีเหนือมีการยิงทดสอบขีปนาวุธ ทำให้มีความข้องใจเรื่องอนาคตการปลดอาวุธในคาบสมุทรเกาหลี
ในทวีต ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์เรื่องการพูดคุยกับนายกฯอาเบะ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดว่า “ เป็นการสนทนาที่ดีมาก ! ” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ผู้นำสหรัฐฯ และคณะรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 4 พ.ค. และนักวิเคราะห์ด้านกองทัพระบุว่า เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ และเป็นขีปนาวุธภาคพื้นดิน
นายกฯ อาเบะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯและญี่ปุ่นจะ “ขานรับร่วมกัน” กับ “การเดินหน้า” ของเกาหลีเหนือ
หากอาวุธที่ทดสอบเป็นขีปนาวุธแบบทิ้งตัว จะถือเป็นการยิงทดสอบครั้งแรกของเกาหลีเหนือ หลังจากมีการหยุดทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อเป็นการเปิดทางให้มีการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ
นักวิเคราะห์ตีความการยิงทดสอบครั้งนี้ว่า เป็นความพยายามที่จะกดดันวอชิงตันในการเจรจาเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากการประชุมซัมมิตในเดือนก.พ. ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือล้มเหลว
ซึ่งในทวีตเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ของทรัมป์ เขายังระบุว่าเขายังคงเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้นำเกาหลีเหนือได้
โดยไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่า วอชิงตันยังมีความตั้งใจที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ โดยรมว.ปอมเปโอระบุว่า เขาและทรัมป์พูดคุยเกี่ยวกับการยิงทดสอบเมื่อวันที่ 4 พ.ค. และกำลัง “ประเมินการตอบรับที่เหมาะสม”
“ แต่ … เรากำลังจะหมดแรงในทุกโอกาสทางการทูตที่มี” เขากล่าวกับสื่อ CBS “ เรายังเชื่อว่ายังมีทางที่ประธานคิมจะสามารถปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่าวิธีการทางการทูต”
คิมดองยับ ผู้เชี่ยวชาญทางทหารที่มหาวิทยาลัยคยองนัมในเกาหลีใต้ระบุว่า อาวุธที่เกาหลีเหนือทดสอบอาจเป็นขีปนาวุธที่มีพิสัยไกลถึง 500 ก.ม. ที่สามารถโค่น THAAD ซึ่งเป็นระบบสกัดขีปนาวุธของสหรัฐฯที่มีการติดตั้งในเกาหลีใต้ได้
แลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวระบุว่า วอชิงตันและโตเกียวอาจมีการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันได้ภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ หลังจากทรัมป์และอาเบะพบกันที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา.