เฟซบุ๊กลบเพจกลุ่มติดอาวุธอันตรายในเมียนมา
เฟซบุ๊กแบน 4 กลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้กับกองมัพเมียนมาไม่ให้อยู่ในโชเชียลเน็ตเวิร์ก บริษัทระบุเมื่อวันที่ 5 ก.พ. โดยเสริมว่าต้องการป้องกันความเสียหาย ด้วยการลบกลุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็น “องค์กรอันตราย”
ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียซึ่งมีฐานที่มั่นในสหรัฐฯ ระบุว่า ได้ลบบัญชีผู้ใช้งานนับร้อย รวมถึงเพจ และกลุ่มที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา หรือการบิดเบือนความจริง ตั้งแต่เดือนส.ค.61
ปฏิบัติการนี้มีขึ้นหลังจากเฟซบุ๊กถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้ลงมือทำอะไรมากพอที่จะป้องกันความรุนแรง และกำจัดคอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังซึ่งแพร่กระจายในแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก ซึ่งมีการเติบโตกลายเป็นสื่อดิจิทัลที่ทรงอิทธิพลและได้รับความนิยมสูงในเมียนมาเพราะความขัดแย้งในประเทศยกระดับขึ้น
โดยมีการแบนกองทัพอาระกัน , กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา, กองทัพกะฉิ่นอิสระ และ
กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง เฟซบุ๊กระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 ก.พ. โดยเสริมว่า ได้กำจัด “การยกย่องชมเชย การสนับสนุน และภาพแทน” ของกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ออกทั้งหมด
“ ในความพยายามที่จะป้องกันและขัดขวางไม่ให้เกิดอันตราย เราไม่อนุญาตให้องค์กร หรือบุคคล ประกาศอย่างเป็นทางการถึงภารกิจรุนแรง หรือเกี่ยวข้องกับความรุนแรงให้ปรากฎขึ้นในเฟซบุ๊ก ” บริษัทกล่าว
การแบนของเฟซบุ๊กตั้งเป้าเพียงแค่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยในเมียนมา ที่มีการต่อสู้เพื่อขอปกครองตนเองในความขัดแย้งที่โหมกระหน่ำ ตั้งแต่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2491
โดย 4 กลุ่มที่เฟซบุ๊กระบุชื่อไม่ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงที่นำโดยรัฐบาล และมีการปะทะกันอยู่บ่อยครั้งกับกองทัพในช่วงไม่กี่ปีนี้
กองทัพกะฉิ่นอิสระเป็นหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศ และยึดครองพื้นที่ทางเหนือของเมียนมา ขณะที่กองทัพอาระกันมีการต่อสู้ทางพื้นที่ตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่เดือนธ.ค.ที่ทำให้มีการย้ายถิ่นฐานกว่า 5,000 คน โดยกลุ่มนี้ได้สังหารตำรวจชายแดนเมียนมา 13 นายในการโจมตีเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
เฟซบุ๊กระบุว่า “ มีหลักฐานชัดเจนว่าองค์กรเหล่านี้ได้ทำการโจมตีพลเมือง และเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในเมียนมา และเราต้องการป้องกันไม่ให้พวกเขาใช้บริการของเราเพื่อกระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดในประเทศ ”
ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธที่ถูกระบุชื่อไม่ได้ให้ความเห็นในประเด็นนี้ ขณะที่หลายบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังทหารเมียนมา ถูกลบออกจากเฟซบุ๊กเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว หลังจากสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับบรรดาผู้บัญชาการกองทัพเมียนมาที่ออกคำสั่งให้มีการสังหารหมู่และข่มขืนชาวมุสลิมโรฮิงญา ด้วย ” เจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”