ทารกรอด หลังติดใต้ซากตึก 35 ชม.ในรัสเซีย
มีรายงานพบทารกชายรอดชีวิตจากสภาพอากาศหนาวจัดใต้ซากตึกในรัสเซีย โดยบางส่วนของตึกพังทรุดลงมาจากแรงระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินระบุว่า การรอดชีวิตถือเป็นปาฏิหาริย์
โดยแรงระเบิดซึ่งเกิดจากแก๊สรั่ว ได้ทำลายอพาร์ทเมนต์พังเสียหายไปกว่า 48 ห้องในตึกสูง 10 ชั้นซึ่งสร้างขึ้นในเมืองอุตสาหกรรม Magnitogorsk เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และมีผู้สูญหายอีก 36 ราย
ภาพจากคลิปวีดีโอของกระทรวงฉุกเฉินในพื้นที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้อุ้มทารกคนหนึ่งที่สวมถุงเท้าสีชมพู และเอาผ้าห่มพันรอบตัวเด็กก่อนที่จะเริ่มวิ่งไปที่รถพยาบาล
อุณหภูมิตอนนี้ในเมือง Magnitogorsk ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีโรงงานเหล็กขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกประมาณ 1,700 ก.ม. อยู่ที่ -17 องศาเซลเซียส
เด็กทารกวัย 11 เดือนคนนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากอากาศหนาวจัด และมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ นอนอยู่ในเตียงเด็ก และการสวมเสื้อผ้าหลายชั้นช่วยปกป้องชีวิตของเด็ก จากรายงานของสำนักข่าว TASS โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ฉุกเฉินในพื้นที่
สำนักข่าว Interfax รายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ชีพได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก และปฏิบัติการค้นหาแบบปูพรมในทันที โดยการช่วยเหลือเด็กทารกดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะซากอิฐซากปูนที่ไม่มั่นคง อาจทำให้เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
“ ประชาชนหลายร้อยคนในพื้นที่กำลังรอคอยที่จะได้เห็นทารกที่บาดเจ็บอยู่ใต้ซากหินซากปูนรอดตายราวปาฎิหาริย์ และปาฎิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง ” สื่อรายงานโดยยกคำพูดของเจ้าหน้าที่มา “ เจ้าหน้าที่กู้ชีพมีน้ำตาคลอเบ้าเลย”
โดยมารดาของเด็กยังรอดชีวิตอยู่ และได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว Interfax รายงาน
เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 31 ธ.ค. เกิดเหตุระเบิดที่อาคารในเมือง Magnitogorsk ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของโรงงานเหล็กขนาดใหญ่ที่สุดในรัสเซีย
ขณะที่ผู้คนยังนอนหลับอยู่ ในวันนั้นเป็นวันหยุดราชการของรัสเซีย โดย Veronika Skvortsova รมว. กระทรวงสาธารณสุขระบุเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตกำลังน้อยลงไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ในประเทศรัสเซียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุสำคัญคือโครงสร้างพื้นฐานอาคารที่เก่ามาก และการควบคุมดูแลความปลอดภัยในการใช้แก๊สต่ำกว่ามาตรฐาน.