ยอดช้อปวันหยุดสหรัฐฯ สูงสุดใน 6 ปี
ยอดขายในการช้อปสินค้าช่วงเทศกาลวันหยุดในสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 5.1% พุ่งขึ้นสูงกว่า 850,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากรายงานของมาสเตอร์การ์ด เนื่องจากขาช้อปได้แรงหนุนเศรษฐกิจที่เป็นขาขึ้นและการลดราคา
ข้อมูลนี้รวบรวมจากยอดช้อปทั้งในร้านและออนไลน์ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. – 24 ธ.ค. โดยสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายค้าปลีกช่วงวันหยุดในสหรัฐฯจะเติบโตประมาณ 4.3% ในเดือนพ.ย. และ 4.8% ในเดือนธ.ค.
“ จากช่องทางเดินในร้านจนถึงตะกร้าช้อปออนไลน์ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแสดงให้เห็นผ่านยอดค้าปลีกช่วงเทศกาลวันหยุด ” Steve Sadove ที่ปรึกษาอาวุโสของมาสเตอร์การ์ดระบุ
การจ้างงานเกือบเต็มอัตรา และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชาวอเมริกัน ซึ่งตัวเลขในเดือนต.ค.พุ่งทะยานสูงสุดในรอบเกือบสองทศวรรษ
โดยข้อมูลยังชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่ได้ถูกสั่นคลอนลงจากความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงหลายสัปดาห์นี้ และความกังวลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลก
เนื่องจากวันคริสต์มาสอีฟ ( 24 ธ.ค.) เป็นวันจันทร์ในปีนี้ ทำให้ลูกค้ามีเวลาเพิ่มอีกหนึ่งวันสำหรับการช้อปปิ้ง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ยอดขายออนไลน์มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยตัวเลขขยายตัวเติบโตสูงถึง 19.1% อ้างอิงจากรายงานค้าปลีกของ SpendingPulse ที่เผยแพร่โดยทีมวิเคราะห์ของมาสเตอร์การ์ด
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. Amazon.com ระบุว่า บริษัทได้ทำลายสถิติของช่วงเทศกาลวันหยุด โดยมีสินค้าถึง 1 พันล้านชิ้นที่ใช้บริการส่งฟรีกับ Prime เฉพาะในสหรัฐฯประเทศเดียว ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 2% ในช่วงต้นของการซื้อขาย
ตรงข้ามกับยอดขายในห้างสรรพสินค้าที่ลดลง 1.3% หลังจากสองปีที่ผ่านมามีตัวเลขเติบโตต่ำกว่า 2% โดยมีการปิดตัวลงของห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก แต่ยอดขายออนไลน์เติบโตขึ้น 10.2% ชี้ให้เห็นถึงการลงทุนจำนวนมากในอีคอมเมิร์ซ (เพื่อรับมือกับการลดลงอย่างต่อเนื่องในร้าน) ที่กำลังประสบผลสำเร็จ ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
ยอดซื้อเสื้อผ้าและเครื่องใช้ภายในบ้านในช่วงเทศกาลมีการเติบโต 7.9% และ 9% ตามลำดับ แต่ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง 0.7% เมือ่เทียบกับตัวเลขเติบโต 7.5% ในปีก่อน
ทั้งนี้ รายงาน SpendingPulse ติดตามการใช้จ่ายด้วยการรวบรวมกิจกรรมการขายจากยอดจ่ายเงินผ่านมาสเตอร์การ์ดและเครือข่าย รวมถึงตัวเลขประเมินเงินสดและรูปแบบการจ่ายเงินอื่น และไม่รวมยอดขายรถยนต์.