ก้าวไกล ฟ้องศาลปกครอง หยุดดีลรถไฟฟ้าสายสีส้ม แฉค่าโง่ 6.8 หมื่นล้าน
ก้าวไกลเอาจริง ยื่นศาลปกครองหยุดดีลรถไฟฟ้าสายสีส้ม รักษาผลประโยชน์รัฐ 68,000 ล้านบาท ชี้ ถ้าปล่อยให้การประมูลผ่านอาจกลายเป็นค่าโง่ในอนาคต
วันที่ 14 พ.ย.65 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิจารณาหยุดสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม
โดยนายสุรเชษฐ์ ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็นทุจริตครั้งใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ที่มีมูลค่าจำนวน 68,000 ล้านบาท ตนและพรรคก้าวไกลขอยื่นให้ศาลปกครองหยุดยั่งโครงการนี้ หากปล่อยให้มีการอนุมัติประเทศไทยต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าตัวเลข 68,000 ล้านบาท เกิดจากกระบวนการ “ปั้นตัวเลข” มา “ปั่นโครงการ” และในวันนี้ใกล้จะ “ปันผลประโยชน์” สำเร็จแล้ว
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า หากศาลปกครองไม่ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เรื่องนี้จะถูกส่งไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แน่นอนว่าเมื่อไปถึงครม. ซึ่งจะทำให้เงินภาษีของประชนถูกใช้เกินจำเป็น 68,000 ล้านบาท
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด จึงได้มายื่นฟ้องจำเลย ได้แก่
1) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
2) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
3) คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ
4) กระทรวงคมนาคม
เพื่อให้ศาลปกครองกลางพิจารณาคำขอใน 4 ประเด็น ได้แก่
1) ยกเลิกการประมูลที่มีปัญหาจัดการประมูลใหม่ให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยอย่างน้อย BTS และ BEM ต้องเข้าได้
2) รฟม. ต้องเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการ โดยไม่ปฏิเสธอำนาจนิติบัญญัติอย่างที่ได้เบี้ยวมา 2 ครั้ง
3) เปลี่ยนคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ของ พรบ.ร่วมทุนฯ เพื่อให้มีความโปร่งใส เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ มูลค่าสูง และมีรายละเอียดมาก
4) คาดว่าศาลคงต้องใช้เวลาพิจารณามากพอสมควร เราจึงได้ “ยื่นคำร้อง” ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา และขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เซ็นสัญญาก่อน เพราะหากปล่อยไป รัฐบาลหน้าจะตามไปแก้ไขอะไรได้ยากและอาจทำให้เกิด “ค่าโง่ก้อนใหม่”
นอกจากนี้ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เคยให้โอกาส รฟม. มาชี้แจงเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว ถึง 2 ครั้ง แต่ รฟม. ไม่มาชี้แจง ซึ่งอนุกรรมาธิการพบความผิดปกติคือ
1) การเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลกลางอากาศการยกเลิกการประมูลครั้งก่อนโดยที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า ‘การยกเลิกการประมูลดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย’
2) การกีดกัน BTS ไม่ให้มีสิทธิ์เข้าประมูลรอบใหม่คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติการคิดราคากลาง
3) คาดส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตเป็นศูนย์เพราะไม่มีความพยายามของคณะกรรมการคัดเลือกในการรักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐ
4) ที่สำคัญ “ส่วนต่าง 68,000 ล้านมีอยู่จริง” ต้องไปพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าทำไมการประมูลรอบแรก หาก BTS ชนะ รัฐจะอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท แต่ในการประมูลรอบสองซึ่ง BEM ชนะ รัฐต้องอุดหนุนมากถึง 78,288 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ในทางเทคนิคก็คือสร้างสิ่งเดียวกัน คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม แบบการก่อสร้างก็ไม่ได้เปลี่ยน: ยาวเท่าเดิม สถานีเท่าเดิม
“สุดท้ายฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ต้องออกมาชี้แจงแบบไม่ต้องโบ้ยให้คนอื่นไปชี้แจงแทน ให้ได้ว่าส่วนต่าง 68,000 ล้าน หายไปไหน? ทำไม BTS โดนกีดกันทั้งๆ ที่ก็รู้กันอยู่ว่าในทางปฏิบัติมันมีแค่ 2 เจ้า เรื่องนี้ยอมไม่ได้ เพราะหากปล่อยไป คนอนุมัติรวย นายทุนยิ้ม ประชาชนจ่ายส่วนต่าง 68,000” นายสุรเชษฐ์กล่าว