การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกระทบศก.สหรัฐฯ
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะทำความเสียหายกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ภายในศตวรรษนี้ ส่งผลกระทบกับทุกสิ่งตั้งแต่สุขภาพไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐาน อ้างอิงจากรายงานรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 23 พ.ย.แต่ทางทำเนียบขาวชี้ว่าข้อมูลยังคลาดเคลื่อน
รายงานฉบับนี้ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและกระทรวงของรัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดกรอบผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนที่มีต่อทุกมุมของสังคมอเมริกัน ซึ่งเป็นคำเตือนที่สร้างความลำบากใจให้รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่ยังคงสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
“ ด้วยตัวเลขมลพิษที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงระดับสร้างสถิติใหม่ คาดการณ์ว่าการขาดทุนประจำปีในภาคส่วนเศรษฐกิจจะสูงถึงหลายแสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นศควรรษนี้ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของหลายรัฐในสหรัฐฯ ” รายงานการประเมินสภาพภูมิอากาศแห่งชาติครั้งที่ 4 Vol.II ระบุ
ภาวะโลกร้อนจะทำให้เกิดความไม่สมส่วน กระทบต่อสุขภาพมนุษย์ ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน จำกัดปริมาณน้ำที่มีอยู่ เปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง และทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เกษตรกรรม ไปจนถึงประมง และการผลิตพลังงาน รายงานระบุ
แต่รายงานเสริมว่า การคาดการณ์ถึงความเสียหายอาจเปลี่ยนแปลงได้หากมีการควบคุมก๊าซเรือนกระจกได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าผลกระทบมากมายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งการเกิดพายุที่ถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ความแห้งแล้งและน้ำท่วม ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้ว “ ความเสี่ยงที่มากขึ้นของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในทุกวันนี้ ”
ทั้งนี้ รายงานเป็นผลจากการวิจัยที่เผยแพร่เมื่อปีก่อนที่สรุปว่า มนุษย์คือแรงขับสำคัญของภาวะโลกร้อน และเตือนถึงผลกระทบร้ายแรงถึงชีวิตที่จะเกิดขึ้นบนโลก
ผลการศึกษาขัดแย้งกับนโยบายภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกลับลำนโยบายสิ่งแวดล้อมในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาและการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม มาเป็นการผลิตอย่างสูงสุดของเชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งน้ำมันดิบ ซึ่งตอนนี้สหรัฐฯ มีปริมาณน้ำมันมากที่สุดในโลก มากกว่าซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย
Lindsay Walters โฆษกหญิงทำเนียบขาวระบุว่า รายงานใหม่นี้ “ ส่วนใหญ่อยู่บนพื้นฐานของสถานการณ์ที่เลวร้ายถึงที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับแนวโน้มที่มีมายาวนาน ด้วยการสรุปเช่นนั้นว่า จะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จำกัด และจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ”
โดยเธอระบุว่า การประเมินสภาพภูมิอากาศแห่งชาติครั้งต่อไป “ จะให้โอกาสเรามีความโปร่งใสมากขึ้น และเป็นกระบวนการที่มีข้อมูลสนับสนุน รวมถึงข้อมูลเต็มรูปแบบต่อสถานการณ์และผลลัพที่มีศักยภาพ ”
ในปีที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเจตนาที่จะถอนสหรัฐฯออกจากความตกลงปารีสปี 2558 ที่มีเกือบ 200 ชาติเห็นชอบเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเขาโต้แย้งว่า ข้อตกลงนี้จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเป็นประโยชน์กับสภาพแวดล้อมเพียงเล็กน้อย โดยทรัมป์และสมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายคนยังได้แสดงถึงความข้องใจเกี่ยวกับหลักฐานวิทยาศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยแย้งว่าสาเหตุและผลกระทบไม่แน่นอน
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระบุว่า รายงานนี้ช่วยสนับสนุนการเรียกร้องของทางกลุ่มให้สหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การวิจัยก่อนหน้านี้ รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาล ก็ได้สรุปด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลต่อเนื่องที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งยังทำลายโครงสร้างพื้นฐาน น้ำประปา และเกษตรกรรม
อากาศที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงและผลกระทบอื่นๆ ยังเพิ่มความเสี่ยงของการติดโรค ทำลายคุณภาพอากาศ และเพิ่มปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงผลกระทบอื่นๆ
13 หน่วยงานของรัฐ ตั้งแต่กระทรวงเกษตรกรรม ไปจนถึงองค์การนาซา เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการที่รวบรวมและจัดทำรายงานล่าสุดนี้.