ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาติลาออก
นิกกี เฮลีย์ ทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติลาออกเพื่อขอเวลาหยุดพัก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯระบุเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ทำให้เธอเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดที่ออกจากคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์
โดยผู้นำสหรัฐฯระบุว่าเขายอมรับการลาออกของเฮลีย์ และจะแต่งตั้งผู้รับตำแหน่งต่อจากเธอภายใน 2 – 3 สัปดาห์ โดยเขาเสริมว่าเธอจะออกจากตำแหน่งในช่วงสิ้นปีนี้
ทรัมป์ปรากฎตัวเคียงข้างเฮลีย์ในห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว โดยทรัมป์กล่าวชื่นชมยกย่องเธอ และระบุว่าเขาหวังว่าเธอจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ในคณะทำงานของเขาอีก
“ เราทั้งหมดล้วนมีแต่ความพอใจกับคุณ แต่ในอีกทางหนึ่งคือเราต้องสูญเสียคุณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณจะกลับมาสักวันหนึ่ง บางทีอาจเป็นหน้าที่อื่นที่ต้องใช้ศักยภาพที่แตกต่างกัน คุณสามารถเลือกได้ ” ทรัมป์กล่าว
ทั้งนี้ เฮลีย์เป็นอดีตผู้ว่าการรัฐเซาธ์ แคโรไลนาและเป็นบุตรสาวของชาวอินเดียนแดงอพยพ โดยเธอถือเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของพรรครีพับลิกัน
และมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งงประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2563 นี้
เธอกล่าววิจารณ์ทรัมป์ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งปี 2559 แต่กลายเป็นหน้าตาของนโยบาย “ America First ” ของทรัมป์ที่สหประชาชาติ ด้วยการถอนสหรัฐฯออกจากหลายโครงการของสหประชาชาติ และปกป้องนโยบายอันแข็งกร้าวของเขาที่มีต่ออิหร่านและเกาหลีเหนือเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์
โดยเฮลีย์ระบุในจดหมายลาออกของเธอที่ยื่นต่อทรัมป์ว่า เธอจะไม่เป็นตัวแทนของหน่วยงานใดในปี 2563 และจะสนับสนุนให้ทรัมป์ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย เธออ้างว่าเธอจะกลับไปทำงานในภาคเอกชนและสื่อบางสำนักรายงานว่า เธอมีหนี้ที่ต้องชำระให้หมด
แต่เธอยังระบุว่าเธอยังไม่มีแผนงานในอนาคต และการตัดสินใจของเธอทำให้หลายคนในทำเนียบขาวและสหประชาชาติต่างรู้สึกแปลกใจ
เธอเป็นคนเดียวในคณะทำงานของทรัมป์ที่ยังมีความรู้สึกที่ดีกันอยู่แม้จะขอลาออก ต่างกับคนอื่นที่ดูจะขุ่นเคืองใจกับทรัมป์ อย่างเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน อดีตรมว.กระทรวงต่างประเทศที่ถูกทรัมป์โพสต์ไล่ออกบนทวิตเตอร์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
เธอถูกบดบังรัศมีการทำงานในช่วงหลายเดือนมานี้จากไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศ ผู้จงรักภักดีกับทรัมป์ และจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว โดยปอมเปโอมีบทบาทในการเจรจากับเกาหลีเหนือ ขณะที่โบลตันโดดเด่นในการคว่ำบาตรอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม เฮลีย์มีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับรัสเซียมากกว่าทรัมป์ ซึ่งดูจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เธอทำให้รัฐบาลทรัมป์ตกใจเมื่อเธอประกาศเมื่อเดือนเม.ย.ว่า วอชิงตันจะคว่ำบาตรรัสเซียที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย แต่ทรัมป์ตัดสินใจไม่เดินหน้าในการคว่ำบาตรรัสเซียตามที่เธออ้าง
เธอต่อสู้กับสิ่งที่เธอเรียกว่าเป็นอคติต่อต้านอิสราเอลที่สหประชาชาติ และบางครั้งกลับจะเป็นการบั่นทอนนโยบายต่างประเทศของทรัมป์
โดยในปีที่แล้ว เธอทำให้ทั้งพันธมิตรและศัตรูของสหรัฐฯไม่พอใจโดยการเตือนว่า สหรัฐฯจะจดจำชื่อประเทศที่สนับสนุนสหประชาชาติที่พากันวิจารณ์การตัดสินใจของทรัมป์ที่ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
เฮลีย์กล่าวเมื่อวันที่ 9 ต.ค.โดยเป็นการสะท้อนแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ของทรัมป์ว่า สหรัฐฯภายใต้การบริหารของทรัมป์ในตอนนี้ได้รับความเคารพและให้เกียรติไปทั่วโลก
“ ตอนนี้สหรัฐฯได้รับความเคารพ หลายประเทศอาจไม่ชอบสิ่งที่เราทำ แต่พวกเขาเคารพในสิ่งที่เราทำ พวกเขารู้ว่า หากเราพูดว่าเราจะทำอะไรบางอย่าง เราจะทำตามนั้นจริงๆ ” เธอกล่าว