“ยูซิตี้”ทุ่ม3พันล.เนรมิต”แปลงร้อยชักสาม”ผุดโรงแรมหรู
3 ฝ่าย “กรุงเทพฯ-คลัง-ยู ซิตี้” ลงนามโครงการพัฒนาที่แปลงโรงภาษีร้อยชักสาม หลังบรรลุข้อตกลงร่วมกัน โดย “ยู ซิตี้” พร้อมทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท ผุดโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ ในแลนด์มาร์กเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชูจุดขายด้านอนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์ สร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยวให้กับชุมชนท้องถิ่นย่านบางรัก คาดเปิดดำเนินการได้ ปี 68
บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนกิจการร่วมค้า ซึ่งร่วมมือกับ บริษัท อามันรีสอร์ท เซอร์วิสเซส ลิมิเต็ด และบริษัท ซิลเวอร์ลิงค์ รีสอร์ทส์ ลิมิเต็ด จัดพิธีลงนามข้อตกลงโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุ แปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสามกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยมี นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ เป็นผู้ลงนามร่วมกับ นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน)
สำหรับการลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ครอบคลุมสัญญาการเช่าพื้นที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสามพร้อมอาคารโรงแรมและสิ่งปลูกสร้างเป็นระยะเวลา30ปี โดยทางกิจการร่วมค้าฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญา จะชำระค่าตอบแทนเป็นค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่กรมธนารักษ์ คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,660 ล้านบาท และมีบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการบูรณะอาคารหลังเก่าและก่อสร้างอาคารหลังใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการโรงแรมที่พัก
นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการพัฒนาโรงแรมในพื้นที่ดังกล่าว เน้นจุดขายด้านการอนุรักษ์อาคารประวัติศาสตร์อายุ 130 ปี เพื่อสะท้อนถึงความสมบูรณ์งดงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิม และก่อสร้างอาคารหลังใหม่ โดยจะพัฒนาเป็นโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,600 ตร.ม. ประกอบด้วยห้องพัก พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แบบครบครัน รวมไปถึงร้านอาหาร ห้องจัดเลี้ยง และห้องประชุมสัมมนา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในย่านบางรักและริมแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยทางบริษัทฯ จะใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 3,000ล้านบาท ซึ่งคาดว่า โรงแรมจะสร้างเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี พ.ศ. 2568
ทั้งนี้ หลังจากได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทยู ซิตี้ จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร ในการเข้าสำรวจพื้นที่อาคารเพื่อการบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ก่อนดำเนินการเข้าบูรณะตัวอาคารเก่า โดยคาดว่าการสำรวจขุดค้นทางประวัติศาสตร์รวมถึงการบูรณะซ่อมแซมอาคารและการพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 6 ปี ก่อนเปิดให้บริการ