สหรัฐฯพร้อมเจรจาเกาหลีเหนือ
ไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า เขาพร้อมที่จะเริ่มต้นการเจรจากับเกาหลีเหนือ โดยมีเป้าหมายคือการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2564
โดยในสัปดาห์นี้ การประชุมสุดยอดผู้นำของสองเกาหลีทำให้ประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือเห็นพ้องที่จะปิดสถานที่ยิงขีปนาวุธ
ขณะที่ประธานาธิบดีมุนแจอินแห่งเกาหลีใต้ได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ต่อหน้าประชาชนชาวเกาหลีเหนือหลายหมื่นคน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีคิมตกลงที่จะทำการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากมีการประชุมกับประธานาธิบดีมุนแห่งเกาหลีใต้
รมว.ปอมเปโอระบุว่า ประเด็นนี้อยู่บนพื้นฐานของข้อผูกพันที่สำคัญและสหรัฐฯพร้อมที่จะเจรจาในทันที ในแถลงการณ์ เขาระบุว่าเขาได้เชิญรียองโฮ รมว.กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือให้ไปประชุมกันที่นครนิวยอร์กในสัปดาห์หน้า ขณะที่คำเชิญขยายครอบคลุมไปถึงการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างผู้แทนเกาหลีเหนือและสหรัฐฯในกรุงเวียนนา ออสเตรียด้วย
“ นี่จะเป็นการเริ่มต้นการเจรจาเพื่อปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์สหรัฐฯ – เกาหลีเหนือผ่านกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือที่รวดเร็วให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 จากที่ประธานคิมยืนยัน และเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี” เขาระบุ
จนถึงตอนนี้ เดือนม.ค.ปี 2564 เป็นกำหนดเวลาเจาะจงที่ทางรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายประกาศต่อสาธารณะ
ทั้งนี้ สาระสำคัญของการประชุมสุดยอดผู้นำของประธานาธิบดีคิมและประธานาธิบดีมุนคือการปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยคิมแสดงความพร้อมที่จะปิดฐานอาวุธนิวเคลียร์ยองบยอน ( ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ซึ่งเกาหลีเหนือผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์) หากสหรัฐฯ กระทำเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวของ BBC ในกรุงโซลรายงานว่า มีแนวโน้มว่าสหรัฐฯ จะลงนามสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ
แต่ปอมเปโอยังระบุถึงทงชางรี ซึ่งเป็นฐานทดสอบยิงขีปนาวุธว่าจะต้องปิดอย่างถาวรโดยมีผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติเป็นพยาน ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า นี่เป็นขั้นตอนสำคัญ ภาพถ่ายจากดาวเทียมชี้ว่า ทงชางรีอยู่ในระหว่างดำเนินการทุบทำลาย แต่จากประกาศนี้จะทำให้มีผู้ตรวจสอบเข้าไปพิสูจน์กระบวนการทำลายทิ้งอย่างเป็นทางการ
ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทำลายสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์หลักที่พงกเยรีแล้ว ไม่นานก่อนจะมีการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างคิมกับประธานาธิบดีทรัมป์เกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.
ผู้นำสหรัฐฯ ขานรับกับข้อตกลงนี้ด้วยความยินดี โดยเขาระบุว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ และรีบทวีตชื่นชมการประชุมของมุนกับคิมอย่างรวดเร็ว
สหรัฐฯและเกาหลีเหนือมีการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนมิ.ย.เมื่อทรัมป์และคิมตกลงกันในเงื่อนไขกว้างๆที่จะประสานร่วมมือกันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเป็นต้นมา มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยไม่มีกระบวนการหรือกำหนดเวลาที่ชัดเจน
แต่การยกเลิกทริปเยือนเกาหลีเหนือของรมว.ปอมเปโอในเดือนส.ค.ทำให้มีการคาดเดากันว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศดูจะไม่ราบรื่น
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะเตือนว่าเกาหลีเหนือดูไม่มีกระบวนการที่ก้าวหน้าที่จะหยุดความขัดแย้งด้านอาวุธนิวเคลียร์ และการประชุมของสองเกาหลีในสัปดาห์นี้อาจไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่อถือได้ แต่ทรัมป์ยังคงเชื่อมั่นในข้อผูกพันของเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าเขาและคิมจะพิสูจน์ว่าทุกคนคิดผิด หลังจากเขาได้รับคำร้องขอจากคิมให้มีการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างเขากับคิม โดยทั้งสองฝ่ายระบุว่าจะร่วมมือกันเพื่อให้มีการประชุมเกิดขึ้นให้ได้.