สรรพากรเร่งประสิทธิภาพดูดภาษี 2 ล.ล.
อธิบดีสรรพากรยอมรับ มึนตึ่บ!เศรษฐกิจโลก-ไทยชะลอตัวแรง หวั่นรายได้หลุดเป้า 2 ล้านล้านบาท สั่งเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษีเต็มลูกสูบ ระบุต้องการดึงภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบภาษี ภายใต้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มั่นใจรายได้ภาษีปี’62 ยังอยู่ในวิสัยตามที่ตั้งเป้าเอาไว้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวแสดงความกังวลใจเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยามนี้ ซึ่งได้มีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จนอาจส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของกรมสรรพากร ตามที่มีการตั้งเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปี 2562 ที่ 2 ล้านล้านบาท ว่า กรมสรรพากรมอง เห็นสัญญาณข้างต้น นับแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่า สถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าว จะส่งผลต่อรายได้ของภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออก หรือการนำเข้า แม้กระทั่ง รายได้จากการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกและปัญหาการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน กระทั่ง ส่งผลต่อการจัดเก็บได้ของกรมสรรพากร
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรยังคงเชื่อมั่นว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้ จะยังคงเป็นไปตามประมาณการเดิมคือที่ 2 ล้านล้านบาทเช่นเดิม ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ โดยการดึงให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เข้ามาอยู่ในระบบบัญชี ด้วยการรณรงค์จัดทำระบบบัญชีเดียว เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วไหลในการจัดเก็บภาษีและทำให้การจัดเก็บภาษีดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“ยอมรับว่ากังวลใจกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ (ไทย) ที่มีการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่กรมสรรพากรจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี พร้อมกับดึงให้ภาคธุรกิจเข้ามาอยู่ในระบบภาษี ภายใต้การนำเทคโนโลยีมาช่วยดำเนินการ ซึ่งความร่วมมือที่ได้รับจากสมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง เกี่ยวกับการจัดส่งข้อมูลบัญชีเงินฝากและรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากของลูกค้าธนาคาร มายังกรมสรรพากรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ภาษีของกรมสรรพากร แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไปจัดเก็บภาษีเพิ่มจากประชาชนผู้ฝากเงิน หรือภาคธุรกิจ เพียงแต่ทำให้ระบบการจัดเก็บภาษี เป็นไปอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ สอดรับสถานการณ์ที่โลกได้พัฒนาเทคโนโลยีไปอย่างรวดเร็ว” อธิบดีกรมสรรพากรย้ำ.