บราซิลประท้วงหลังเหตุเพลิงไหม้พิพิธภัณฑ์อายุ 200 ปี
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ตำรวจในเมืองริโอเดจาเนโร ปะทะกับผู้ประท้วงหลายร้อยคน ท่ามกลางความไม่พอใจที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ที่ทำลายพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งชาติบราซิล
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบราซิลอายุ 200 ปี ถูกเพลิงไหม้จนได้รับความเสียหายอย่างหนักช่วงดึกของวันที่ 2 ก.ย. โดยขณะนี่ยังไม่สามารถสรุปความเสียหายทั้งหมดได้ ภาพทางอากาศได้แสดงให้เห็นถึงความเสียหายเป็นวงกว้างตลอดทั้งอาคารของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นที่เก็บศิลปวัตถุมากกว่า 20 ล้านชิ้น ที่มีอายุร่วมกว่า 10,000 ปี
ผู้เข้าร่วมประท้วงได้บุกยึดถนน หลังมีรายงานที่เกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ระบุว่าทางรัฐบาลได้ตัดค่าใช้จ่ายและโครงสร้างพื้นฐานหลักของพิพิธภัณฑ์ขาดการดูแลรักษา รวมไปถึงระบบเครื่องฉีดน้ำของตัวอาคารอีกด้วย
ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ผู้คนต่างพยายามรวมตัวกันและฝ่าเข้าไปยังบริเวณของอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ยังคงคุกกรุ่นหลังเหตุเพลิงไหม้ไม่นานมานี้ ทั้งภาพจากสถานีโทรทัศน์และภาพนิ่งเผยให้เห็นกลุ่มตำรวจในชุดเครื่องแบบจลาจล พร้อมสเปรย์พริกไทยเพื่อควบคุมฝูงชน
เจ้าหน้าที่ในหน่วยป้องกันพลเรือนระบุผ่านแถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ว่า การเข้าถึงตัวอาคารพิพิธภัณฑ์นั้นถูกปิดกั้นเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
“ เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคของเราได้ดำเนินการตรวจสอบด้านในของอาคารเมื่อเช้าของวันที่ 3 ก.ย. และได้รับการยืนยันแล้วว่า อาคารพิพิธภัณฑ์มีความเสี่ยงที่จะทรุดตัวลงสูงมาก ”
ผู้ประท้วงในครั้งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสหพันธ์แห่งชาติรีโอเดจาเนโร หรือ UFRJ ได้รับอนุญาตในภายหลังให้สามารถเข้าไปยังส่วนลานด้านนอกของพิพิธภัณฑ์เป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะแสดงการกอดเชิงสัญลักษณ์กับพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติถือเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยสหพันธ์แห่งชาติ และอยู่ภายใต้การดูแลจากการระดมทุนของรัฐ โดยผู้ร่วมประท้วงจำนวนมากได้มารวมตัวกันและอ้างถึงเงินทุนดังกล่าวซึ่งจะถูกนำมาสนับสนุนโครงการฟื้นฟูและปรับปรุงตัวพิพิธภัณฑ์ กลับถูกเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์โดยรัฐบาล
Roberto Robadey โฆษกของหน่วยดับเพลิงประจำริโอเดจาเนโรระบุว่า ขณะที่เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรง นักผจญเพลิงที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าระบบท่อดับเพลิง 2 แห่ง ไม่มีกำลังมากพอที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้กลุ่มนักผจญเพลิงจำเป็นต้องใช้น้ำจากบ่อน้ำใกล้เคียงแทน
Serguio Sá Leitao รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของบราซิล ระบุว่า อาคารพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวมีการติดตั้งระบบฉีดน้ำ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ถูกสร้างอย่างโอ่โถง เคยเป็นที่พำนักของพระราชวงศ์โปรตุเกส โดยราว 200 ปีก่อน ได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์จนถึงปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่เก็บศิลปวัตถุหลายแขนง ทั้ง มนุษยวิทยากายภาพ โบราณคดี ชาติพันธ์ุวิทยา ธรณีวิทยา บรรพชีวินวิทยา และ สัตววิทยา
นอกจากนี้ ยังเป็นที่เก็บกะโหลกและกระดูกของ ลูเซีย หรือฟอสซิลที่มีอายุมากกว่า 11,000 ปี ซึ่งเป็นชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์ที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดที่พบในบราซิล รวมถึงมัมมี และศิลปวัตถุอันล้ำค่าตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ
สำหรับการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า และระมัดระวัง เนื่องจากศิลปวัตถุหลายชิ้นยังอยู่ในสภาพที่กำลังรอการเก็บกู้ ภายใต้กองไม้และกระเบื้องที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายหนัก.