ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 17-18 ก.ค.2565
“สิ้นสุดหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่จันทร์ที่ 18 ก.ค. การเมืองร้อนๆ รออยู่ โดยสัปดาห์นี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นวันจันทร์แทนวันอังคาร เพื่อเปิดทางให้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 19-23 ก.ค.2565”
เรื่องที่ 1,252 คาดว่า วงประชุม ครม.คงจะมีการตระเตรียมความพร้อม สู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ โดยเบื้องต้น “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” บอกว่า ได้เตรียมไว้แล้ว ทั้งข้อมูล และเอกสารประกอบ
สำหรับการอภิปรายจะเริ่มในวันอังคารที่ 19 ก.ค. รากยาวไปถึงวันศุกร์ที่ 22 ก.ค. ก่อนจะลงมติในวันเสาร์ที่ 23 ก.ค.65
เชื่อว่าการอภิปรายคงนี้ คงจะเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือฝ่ายค้านไม่สามารถล้มรัฐบาลนี้ได้ แต่อย่างน้อยฝ่ายค้านหวังเพียง จะสามารถเปิดแผลของรัฐบาลได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
ดังนั้น ไฮไลท์ของการอภิปรายครั้งนี้ จึงอยู่ที่ “วาทกรรม” มากกว่าข้อมูลหลักฐาน เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายค้านไม่สามารถหาหลักฐานมาเล่นงานรัฐบาลได้เลย และ ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
เรื่องที่ 1,253 ช่วงนี้พี่น้องชาวน้องไทยคงได้สบายใจไปอีกสักพัก เพราะเวลานี้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ในประเทศมีการปรับราคาลดลงไปมากกว่า 5 บาทต่อลิตร ทำให้กระเป๋าสตางค์ได้สบายใจและยิ่งได้มาอ่านบทวิเคราะห์จากคนที่ บก.ชวนคุย เคยบอกไว้แล้วว่า ไม่อยากให้เข้าสู่แวดวงการเมือง เพราะเสียดายมันสมองที่เฉียบคมทางด้านเศรษฐกิจอย่าง “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ระบุว่า ราคาน้ำมันโลก ได้เริ่มปรับลดลงจนกระทั่งวันนี้ ราคาน้ำมันได้กลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนเกิด สงครามรัสเซีย-ยูเครน
ซึ่งหมายความว่า สิ่งที่ทุกคนกังวลใจว่า ราคาน้ำมันโลกจะเป็นปัจจัยกดดันให้ เงินเฟ้อโลก พุ่งไปเรื่อย ๆ ขณะนี้ได้คลี่คลายลงไปบ้างแล้ว และหากราคาน้ำมันโลกไม่ขึ้นสูงไปเช่นเดิม ยังวิ่งอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์/บาเรล แรงกดดันต่อเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก็จะค่อยๆ ลดลง
นอกจากนี้ “กอบศักดิ์” ยังระบุอีกว่า สถานการณ์ตลาดน้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปี จะต่างจากช่วงครึ่งแรก ที่เป็นเช่นนี้เพราะ 1.รัสเซียเริ่มมีช่องทางในการขายน้ำมัน เมื่อเทียบกับช่วงแรก ๆ ที่น้ำมันจากรัสเซียหายไปจากตลาด ต้องไปหาจากแหล่งอื่นๆ แทน ทำให้เกิด Energy Price Shock การที่รัสเซียส่งออกน้ำมันได้ คือจุดเปลี่ยน ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยบรรเทาสถานการณ์พลังงานโลก และ2.การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เพื่อสู้กับเงินเฟ้อ ทำให้โอกาสการเกิด Global Recession เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เรื่องนี้จะทำให้นักลงทุนไม่กล้าเก็งกำไรในราคาน้ำมันโลกมากเหมือนช่วงแรก ๆ
อีกจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดพลังงานโลก เพราะเมื่อนักลงทุนไม่กล้าเก็งกำไรกันเต็มที่ ราคาน้ำมันต่อให้ขึ้น ก็คงขึ้นได้ไม่เท่าช่วงแรก ๆ ได้เห็นแบบนี้ก็ค่อยเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กันบ้าง เพราะหากราคาน้ำมัน ซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักสำคัญของการผลิตในอุตสาหกรรมปรับตัวลง ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคก็น่าจะปรับลดลงตามไปด้วย พวกเราทุกคนก็คงจะได้ยิ้มออกกันบ้าง แม้จะไม่ใช่เพราะผลงานการแก้ปัญหาของรัฐบาล แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับผม
เรื่องที่ 1,254 ล่าสุด!! สลากดิจิทัล งวด 1 ส.ค.2565 จำนวนสลากทั้งหมด 7,167,500 ฉบับ เปิดตลาดวันแรก วันที่ 17 ก.ค.2565 @ 6.00 น. ผ่านพ้นไปเพียง 1 ชั่วโมง (07.00 น.) มียอดจำหน่ายสูงถึง 1,262,231 ใบ จำนวนผู้ซื้อสลาก 127,912 ราย และล่าสุดก่อนที่จะปิดคอลัมน์ เมื่อเวลา 13.00 ยอดจำหน่ายสลากมีมาก 5,143,748 ใบ ขณะที่ จำนวนผู้ซื้อสลาก 737,634 ราย ไม่ถึง 1 ล้านราย แสดงให้เห็นว่า คนซื้อสลากดิจิทัลมากกว่า 7 ใบต่อ 1 คน สงสัยไม่ทันสิ้นวันนี้ สลากดิจิทัลขายหมดเกลี้ยงทุบสถิติอีกครั้งอย่างแน่นอน
ทุกอย่างเป็นไปตามที่ “ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรมสรรพากรในฐานะประธานบอร์ดสลากฯ บอกตั้งแต่ตอนแรกว่า อย่าดูที่จำนวนสลากดิจิทัลว่า มีมากหรือน้อย แต่ขอให้พิจารณาจากความสมดุล ระหว่างสลากดิจิทัลกับสลากใบ หากราคาสลากใบไม่ขายเกิน 80 บาท ถือว่าสมดุลแล้ว แต่ถ้าไม่สมดุลก็ต้องเพิ่มสลากดิจิทัลไปเรื่อยๆ สูงสุด สิ้นปีนี้ 20 ล้านฉบับ เพื่อให้สลากดิจิทัลกดดันสลากใบไม่ให้เกิน 80 บาท ดังนั้น ถ้าหากสลากดิจิทัลขายหมดเร็วเท่าไหร่ สลากใบก็จะกลับมาขายแพงตามเดิม ซึ่งประเด็นนี้ “ลวรณ” บอกว่า สลากดิจิทัลควรมีขายอยู่ในแอบฯ เป๋าตัง 9-10 วัน เลยที่เดียว #สลาก80บาทมีอยู่จริง #จ่ายแพงกว่าทำไม?
โดยนพวัชร์