โซนีเข้าซื้อหุ้น “สนูปปี้”
บริษัทสัญชาติแคนาดาผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ พีนัทส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักและมีผู้คนตกหลุมรักไปทั่วโลก ตัดสินใจขายหุ้นเกือบครึ่งของบริษัทให้กับ โซนี มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (เจแปน) ด้วยมูลค่า 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5,900 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แฟนคลับชาวอเมริกันก็ไม่ต้องกังวลไป ทางโฆษกของบริษัทดีเอชเอ็กซ์ มีเดีย ในเมืองแฮลิแฟกซ์ กล่าวว่า ชาร์ลี บราวน์ สนูปปี้ และผองเพื่อนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แน่นอน
ฌอน สมิธ โฆษกของทางบริษัทให้สัมภาษณ์กับทางซีเอ็นเอ็นมันนีว่า “ตัวละครในเรื่องพีนัทส์ และรายการของทางบริษัทที่แฟนชาวอเมริกันและผู้คนทั่วโลกต่างหลงรักจะยังคงเหมือนเดิมแน่นอน นั่นเป็นเพราะสนูปปี้ที่ชาวอเมริกันรัก ก็เป็นสนูปปี้เดียวกันกับที่ชาวญี่ปุ่นรวมถึงชาวแคนาดารัก”
เขาระบุว่า พีนัทส์ และโดยเฉพาะตัวละครสนูปปี้ กลายเป็นที่นิยมและชื่นชอบอย่างล้นหลามในประเทศญี่ปุ่น ทางบริษัทโซนี มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (เจแปน) ได้รับอนุมัติลิขสิทธิ์ของแบรนด์นับตั้งแต่ปี 2553 แล้ว
บริษัท ดีเอชเอ็กซ์ มีเดีย ได้เซ็นสัญญาในข้อตกลงเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขายหุ้น 49% จากทั้งหมด 80% ของบริษัทในแบรนด์ พีนัทส์ โดยทางบริษัทจะยังคงมีส่วนควบคุมหุ้นทั้งหมดอยู่ 41% ในขณะที่บริษัทโซนีฯ จะเป็นเจ้าของอยู่ทั้งหมด 39%
อีก 20% จะยังเป็นของครอบครัวผู้สร้างพีนัทส์ อย่างชาลส์ ชูลซ์ ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2543 โดยในปี 2560 เขาได้รับเงินทั้งหมด 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 1,200 ล้านบาท และกลายเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงซึ่งได้รับเงินหลังจากเสียชีวิตแล้วที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ขึ้นแท่นอันดับ 3 จากรายชื่อทั้งหมดของนิตยสารฟอร์บสในปีก่อน
ชาร์ลี บราวน์ ตัวละครที่มาพร้อมเสื้อสีเหลืองลายซิกแซ็ก และสุนัขสุดเท่ของเขาอย่างสนูปปี้ กลายเป็นหนึ่งในตัวละครในการ์ตูนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
ชาลส์ ชูลซ์ สร้างพีนัทส์ขึ้นมาในปี 2493 จากการ์ตูนช่องที่ตีพิมพ์ติดต่อกันหลายตอน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่วงการโทรทัศน์พร้อมด้วยตอนพิเศษอย่างรายการ “A Charlie Brown Christmas” ในปี 2508 รวมทั้งของเล่น หนังสือ และรวมถึงภาพยนตร์ “The Peanuts Movie” ในปี 2558
การขายหุ้นให้กับทางบริษัทโซนี เกิดขึ้นหลังจากที่ทางบริษัทดีเอชเอ็กซ์ซื้อหุ้นทั้งหมด 80% จากกลุ่มบริษัทไอโคนิกซ์ แบรนด์ ด้วยเงินมูลค่า 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5,587 ล้านบาท โดยทางดีเอชเอ็กซ์ระบุว่า ได้ทำการขายหุ้นเกือบครึ่งของบริษัทเพื่อจะชำระหนี้ของบริษัท ซึ่งข้อตกลงทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.ที่จะถึง
นอกจากการ์ตูนหรือแบรนด์พีนัทส์ของกลุ่มบริษัทไอโคนิกซ์ จะถูกขายแล้ว ยังมีการ์ตูนอย่างสตรอว์เบอร์รี ชอร์ตเค้ก ที่ถูกขายอีกด้วย โดยทั้งสองเป็นเหมือนสินทรัพย์ด้านความบันเทิงที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำไปทั่วโลก.