อสังหาฯฉายภาพยอดขายไตรมาสแรกไม่ฝืด
“อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ผู้นำการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในเมือง โชว์ยอดขายไตรมาสแรก ยอดขายทะลุเป้ากว่า 4,800 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 19% เผยไตรมาส 2 เตรียมลุยเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงเกินจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ โดยในไตรมาสแรกสามารถสร้างยอดขายกว่า 4,800 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,039 ล้านบาท หรือ 19% โดยมาจากการขายโครงการเดิมที่มีอยู่ในมือเป็นหลัก ซึ่งมีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมาก ถือว่าเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าในไตรมาสแรกจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่เลยก็ตาม
ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 13,000 ล้านบาท อาทิ โครงการ ไอดีโอ คิว พหล-สะพานควาย คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย (0 เมตร) บนที่ดินขนาดประมาณ 5 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง และเป็นโครงการไฮไลท์ในปีนี้ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงที่สุดตั้งแต่บริษัทพัฒนาโครงการมา
บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2562 จำนวน 10 โครงการ มูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 42 โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 อยู่ที่ 36,000 ล้านบาท จาก 31,500 ล้านบาท ในปีก่อน และตั้งเป้ายอดโอนเติบโตที่ร้อยละ 9 จากปีก่อนอยู่ที่ 36,000 ล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด รวมเป็นมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท โดยสำหรับหุ้นกู้ดังกล่าว เป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยแบ่งออกเป็นหุ้นกู้ของบริษัท อนันดาฯ ครั้งที่ 2/2562 ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี โดยบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดคอนโดมิเนียม ยอดขายรอการรับรู้รายได้ที่มากขึ้น และสัดส่วนรายได้ค่าบริหารโครงการและส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น.