ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 21-22 เม.ย.2565
“ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เดินทางมาศาล คดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต มุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาจัดจ้าง โครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 อย่างไม่เป็นธรรมเพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน”
เรื่องที่ 1,029 คดีนี้ นอกจากยิ่งลักษณ์แล้ว ยังมีจำเลยร่วมคือ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” อดีตรองนายกรัฐมนตรี, “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและบริษัทสื่อมวลชนใหญ่ 2 เจ้า
กระนั้น กรณีดังกล่าว ก็หนีไม่พ้นที่จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงเกิดขึ้นในช่วงที่จะกำลังจะมีการเลือกตั้งใหญ่อีกไม่เกิน 1 ปี หลังจากนี้
ในห้วงเวลาเดียวกับที่พรรคเพื่อไทย กำลังชู “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” อีกคนในกระกูลชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์
แน่นอนว่า สืบเนื่องจากคดีนี้ย่อมมีผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย ไม่มากก็น้อย
เพราะการหยิบคดีของยิ่งลักษณ์ ขึ้นมาเล่นงานในเวลานี้นั้น ไม่ต่างกับการบอกกับสังคมว่า “ตระกูลชินวัตร” นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
เรื่องที่ 1,030 ไม่ได้เขียนถึงมานานสำหรับท่านมหาเฉื่อย4D “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เพราะท่านเองก็แทบไม่ปรากฎตัวที่ไหนให้ผู้สื่อข่าวได้พบเจอเลย จะพบท่านได้ก็แค่ในโลกสมมุติบนช่องออนไลน์ที่ท่านดูจะขยันโพสต์เรื่องราวต่างๆ มากกว่า ล่าสุดดูเหมือน “พี่พงษ์” คงจะมีเรื่องให้ต้องใช้สมองอย่างหนักอีกครั้ง กับประเด็นเรื่องของราคาน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาเอาไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรสิ้นเดือนเม.ย.นี้แล้ว โดยมีแนวทางช่วยเหลือต่อไปคือการช่วยจ่ายคนละครึ่งสำหรับส่วนเกิน 30 บาท ระหว่างผู้ใช้กับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า น่าจะไม่ใช่โจทย์ที่ง่ายสำหรับ “พี่พงษ์” เสียแล้ว เพราะถ้าใช้แนวทางคนละครึ่งอย่างที่ว่า รัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการช่วยเหลือ เนื่องจากถ้าปล่อยราคาดีเซลตามราคาตลาดราคาขายปลีกดีเซลหน้าสถานีบริการน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 35.50 บาทต่อลิตร นอกจากนี้ ในวันที่ 20 พ.ค.2565 มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรก็จะสิ้นสุดลงอีก เวลานี้ “พี่พงษ์” เลยสั่งระดมสมองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจัดทำแผนรองรับมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบต่อประชาชน…มองดูแล ยากจริงๆ
เรื่องที่ 1,031 เป็นถึง รมว. แต่ต้องรู้และแก้ไขทุกจุด ล่าสุด “พี่อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง เข้าห้องน้ำชั้น 1 กระทรวงการคลัง ใกล้ๆ ห้องประชุมวายุภักษ์ 1 และ 2 ทีไร จะรู้สึกไม่สบายใจ หลายเรื่อง ประเด็นแรกคือ ห้องประชุมวายุภักษ์ ซึ่งถือเป็นห้องประชุมขนาดกลางที่ดีที่สุด บรรจุคนได้ 30-35 คน รองจากห้องประชุมวายุภักษ์ 4 แต่ห้องน้ำไม่สะอาด สมกับห้องน้ำของห้องประชุมสุดหรูของคลัง 2.แถมยังส่งกลิ่นแรง เตะจมูกผู้เข้าร่วมประชุม เวลาฝนตกกลิ่นยิ่งแรงไปไกลหลายลี้ และ3.อุปกรณ์ในห้องชำรุดเสียหาย ไม่มีการซ่อมแซม และ4.น้ำยาล้างมือ กระดาษทิชชู ก็ไม่มี
เวลามีประชุมชุดใหญ่ ก็อายคนต่างกระทรวง ยิ่งมีวาระประชุมระหว่างประเทศแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งนักลงทุน ผู้เข้าร่วมประชุมเดินกันให้ขวักไขว่ เข้าห้องน้ำแล้ว แล้วมีเสียงบ่น ก็เสียชื่อกระทรวงการคลัง
ขณะที่ ห้องน้ำของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปถึงชั้น 7 นี่!! สะอาดสุดๆ ทำให้ รมว.คลัง อดสงสัยไม่ได้ จึงตั้งคำถามว่า ทำไมห้องน้ำสะอาดจัง ได้รับคำตอบว่า มีแม่บ้านทำความสะอาดตลอดทั้งวัน แต่ที่ห้องน้ำชั้นล่างไม่สะอาดและไม่สะดวกสบายเหมือนกับชั้นอื่นๆ เพราะคนใช้เยอะมาก ขณะที่ แม่บ้านทำความสะอาดจำนวนคนเท่าเดิม ถึงขั้นนี้แล้ว จึงรู้แจ้งเห็นจริง อย่างนี้ ต้องสั่งปรับใหม่ทั้งจำนวนคนและความคิด ถึงจะถูกต้องที่สุด
โดยนพวัชร์