“บิ๊กตู่” ยินดีไทยเจ้าภาพพืชสวนโลกปี68
รองโฆษกฯ รัชดาฯ เผย นายกฯ ยินดี ประเทศไทยได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ก.เกษตรพร้อมโชว์นวัตกรรมเกษตรBCG ลุ้นโควิดจบนักท่องเที่ยวเยือนกว่า 3 ล้านคน สร้างงานท้องถิ่น กว่า 8 หมื่นอัตรา
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบผลการประชุมสมาคมพืชสวนโลก (International Association of Horticultural Producers : AIPH) เมื่อวันที่ 8 มี.ค. และยินดีที่ไทยได้รับคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ให้เป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 นายกฯมีความเชื่อมั่นในความพร้อมของประเทศไทยในการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน และขอให้ใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอนวัตกรรมและเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพืชสวน และการดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลย์ งานดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานในการผลักดันนโยบาย BCG ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเป็นการสร้างความร่วมมือทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติในการสร้างความมั่นคงทางอาหารในโลกอีกด้วย
ทั้งนี้ นายกฯยังได้ขอบคุณ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย และพี่น้องชาวจังหวัดอุดรธานีที่มีส่วนสำคัญในการขับเลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในนามประเทศไทย โดยงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Diversity of Life: Connecting people, water and plants for sustainable living (วิถีชีวิตสายน้ำและพืชพรรณ) ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บนเนื้อที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็น พื้นน้ำ 400 ไร่ และพื้นดิน 630 ไร่ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 3 ล้านคน สร้างงานได้กว่า 8หมื่นอัตราให้แก่คนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง และสร้างรายได้แก่ประเทศหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลก
นางสาวรัชดา กล่าวว่า “การได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกของไทย นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในด้านการพัฒนาพืชสวนแล้ว ยังจะเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ในด้านการเกษตร ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีในการเผยแพร่พระราชดำริด้านการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนสู่ประชาคมโลกอีกด้วย โดยการจัดงานในครั้งนี้ยังจะสามารถสร้างงาน กระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียง ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านพืชสวนและการเกษตรให้กับท้องถิ่น รวมไปถึงสามารถแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและเป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพ สามารถผลิตอาหารที่มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล”