“แม่สอด” วางเป้าปลูกอ้อยล้านตันต่อปี
แม่สอดพลังงานสะอาด เตรียมส่งเสริมการปลูกอ้อย เป้าหมาย 1 ล้านตันต่อปี ในปีฤดูการผลิตปี 63/64 หวังป้อนผลิตเอทานอลให้เต็มกำลังผลิตได้ 250,000 – 260,000 ลิตรต่อวัน
นางสาวชนนี หนูบุตร ผู้จัดการฝ่ายบริหารและการเงิน บริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด ผู้ผลิตเอทานอลจากน้ำอ้อยในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากกลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำการส่งเสริมการปลูกอ้อยในพื้นที่แม่สอดเพื่อนำไปผลิตเป็นเอทานอล โดยในปี 2560/ 2561 มีผลผลิตอ้อยจำนวน 600,000 ตันจากพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 56,000 ไร่ และมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดการขยายการปลูกอ้อยเป็น 1,000,000 ตัน ซึ่งจะใช้พื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 100,000 ไร่ ในฤดูการผลิตปี 2663/2664 เพื่อขยายกำลังการผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งสามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิตอยู่ที่ 250,000-260,000 ลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ผลิตได้ประมาณ 240,000 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าความหวาน และผลผลิตความสะอาดของอ้อยที่เข้าสู่โรงงาน
“ ในพื้นที่แม่สอด เป็นพื้นที่ปลูกพืชเพื่อพลังงานโดยแท้จริง เนื่องจากเป็นพื้นที่ซึ่งมีสารแคชเมียม แต่ในปี 2555 รัฐบาลขณะนั้นมองว่าจะทำอย่างไรให้ช่วยเหลือชาวบ้านที่แม่สอดมีแหล่งทำกิน และมีรายได้จึงเกิดการส่งเสริมให้ปลูกอ้อยเพื่อส่งเข้าโรงงานเพื่อผลิตเป็นเอทานอลแทน เพราะอ้อยที่ผลิตได้ในพื้นที่นี้ไม่สามารถนำไปแปรรูปในอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาลเพื่อการบริโภคได้ ขณะเดียวกันก็ปลูกได้แค่ช่วงเม.ย.-ธ.ค. ช่วงนี้จึงนำน้ำอ้อยสดมาผลิตเอทานอลได้แต่หลังจากนั้นจะต้องใช้วิธีบริหารจัดการโดยใช้วิธีการผลิตเป็นไซรับเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเอทานอลในช่วงนอกฤดูกาล ประกอบกับมีการบริหารลดการสูญเสียในทุกกระบวนการผลิตทำให้ต้นทุนลดต่ำ เป็นผลให้ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างรายได้ปีละเฉลี่ย ประมาณ 2,000 ล้านบาท” นางสาวชนนีกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจให้ความสำคัญในด้านการบริหารจัดการในกระบวนการผลิตที่สามารถลดการสูญเสียในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั้งในด้านการแปรรูปอ้อยเพื่อผลิตเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเอทานอล และยังสามารถนำของเสียจากกระบวนการผลิตไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจำนวน 16 เมกะวัตต์ ซึ่งนำกลับมาใช้ในโรงงานจำนวน 5.6 เมกะวัตต์ และที่เหลือจำหน่ายเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)
อย่างไรก็ตามในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต เอทานอลแล้วยังกำลังพิจารณาขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า เพิ่มขึ้นอีก 16 เมกกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยการใช้วัตถุดิบจากโรงงานที่มีอยู่ แต่จะดำเนินการได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและความต้องการใช้ไฟฟ้าประเทศเพื่อนบ้าน