อาลีบาบาทุ่มลงทุนค้าปลีกออฟไลน์
บริษัทยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอาลีบาบาแถลงเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ว่า จะลงทุนจำนวน 2,870 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 94,652 ล้านบาท เพื่อถือหุ้นใน Sun Art Retail Group ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์ทชั้นนำในจีน นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่อาลีบาบามุ่งจะเป็นค้าปลีกยักษ์ใหญ่ออฟไลน์ควบคู่กับออนไลน์ด้วยเช่นกัน
โดยอาลีบาบาจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับโอชอง – ห้างค้าปลีกสัญชาติฝรั่งเศส และ Ruentex จากไต้หวัน บริษัทจะซื้อหุ้นจาก Ruentex ขณะที่โอชองจะเพิ่มจำนวนหุ้น อ้างอิงจากแถลงการณ์ร่วมของทั้ง 3 บริษัท โดยพันธมิตรกลุ่มนี้ตั้งเป้าโอกาสในจีนไว้สูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 16.49 ล้านล้านบาทในภาค
ส่วนค้าปลีกอาหาร โดยอาลีบาบามุ่งหวังจะเติบโตในตลาดค้าปลีก ซึ่งประเมินคร่าวๆ ว่ามียอดขายประมาณ 85%
ดีลธุรกิจครั้งนี้ จะทำให้โอชอง อาลีบาบา และ Ruentex ถือครองหุ้นในสัดส่วน 36.18% , 36.16% และ 4.67% ตามลำดับใน Sun Art โดยอาลีบาบาจะถือหุ้นมากเป็นอันดับ 2
ทั้งนี้ อาลีบาบาลงทุนไปมากกว่า 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (306,714 ล้านบาท) ในธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์หลากหลายรูปแบบมาตั้งแต่ปี 2558 ทั้งธุรกิจร้านขายอาหารสดและร้านกาแฟ
บริษัทที่มีมูลค่า 474,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (15.63 ล้านล้านบาท) กำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะคว้าโอกาสมากขึ้นในธุรกิจออฟไลน์ ปกป้องผู้ซื้อในชนบทและในต่างประเทศ เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซในเมืองของจีนส่งสัญญาณที่เกินจริง ทั้งการซื้อโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อนหน้านี้มักจะหลีกเลี่ยง
“บริษัทกำลังก้าวเข้าสู่ดินแดนที่ไม่ใช่แกนหลักที่แข็งแกร่งของพวกเขา เช่น อสังหาริมทรัพย์ ใบอนุญาตขายสินค้า การจ่ายภาษี แรงงานที่เพิ่มขึ้นและอื่นๆ” เหว่ยเหวิน นักวิเคราะห์จาก Bain & Company ให้ความเห็น
“บริษัทจำเป็นต้องทำจริงๆ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเจอกับความท้าทายมากมายที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน”
โดย Sun Art เป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกอาหารด้วยส่วนแบ่ง 8.2% ของตลาด อ้างอิงจากข้อมูลของ Kantar Worldpanel
Sun Art เป็นผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์ทถึง 450 แห่งทั่วจีน ภายใต้แบรนด์ RT-Mart และ โอชอง นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ประกอบการภายใต้แบรนด์ โอชองมินิทด้วย ที่ผ่านมามีการเติบโตค่อนข้างช้าในออนไลน์
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์แยก Sun Art ระบุว่า อาลีบาบาเสนอซื้อหุ้นของบริษัทในราคา 6.50 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 27.69 บาทต่อหุ้น.