ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 8-9 ก.ย.2564
“สภาฯ เห็นชอบ “ร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ มีความสำคัญอย่างไร “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม อธิบายว่า หลังจากนี้ประชาชนจะสามารถครอบครองบริโภคและใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมได้ กฎหมายนี้มีเพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาพืชกระท่อมเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ป้องกันการบริโภคใบกระท่อมมากเกินสมควร”
เรื่องที่ 202 พ.ร.บ.พืชกระท่อม ยังห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี บริโภคพืชกระท่อม และยังห้ามจำหน่ายในสถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก เพื่อป้องกันเยาวชนบริโภคจนเกินขนาด กระนั้น ก็มีข้อสังเกตเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามยาเสพติด หรือ ปปส. ที่กฎหมายฉบับนี้ มอบหมายให้ทำหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมการเพราะปลุกพืชกระท่อม ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวไม่ควรเป็นของ ปปส.แต่ควรเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจาก ปปส.มีหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
วันนี้ ปปส.มีอำนาจล้นฟ้าจาก พ.ร.บ.ยาเสพติด และการกำหนดหน้าที่ในการส่งเสริมเพาะปลูกพืชกระท่อม จึงเป็นการขยายขอบเขตอำนาจของ ปปส.แต่หากมองอีกมุม การขยายอำนาจให้แก่ ปปส.ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น เพราะเมื่อเพิ่มอำนาจให้ ปปส.ก็เท่ากับต้องเพิ่มหน่วยงานใหม่ เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชกระท่อมขึ้นมา อาจถึงขั้นจัดตั้งสำนักงานปลุกใบกระท่อมจังหวัด แทนจะมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำเรื่องดังกล่าวได้ทันที โดยไม่ต้องตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่
เรื่องที่ 203 ไม่อยากจะเชื่อสายตา “คนดัง” ระดับผู้บริหารทั้งภาครัฐ เอกชน แห่ชิงเก้าอี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.กันอย่างล้นหลาม งวดนี้ คนดังทั้งในและนอกวงการพลังงาน เข้าสมัครชิงตำแหน่งรวมๆ แล้ว เยอะมากๆ สิริรวม 31 คน อาทิ .พลโท กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ กมธ.พลังงาน ,นายปฎิภาณ สุคนธมาน ผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน), นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต อดีตเลขา กกพ.,นายเริงชัย คงทอง รองผู้ว่า กฟผ.,นายยงยุทธ จันทร์โรทัย อดีตอธิบดี พพ. ,นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว อดีตผู้ว่า กฟภ.,นางสาวสมจิณณ์ พิลึก อดีตผู้ว่า กนอ.,นายจุมพล ริมสาคร รองปลัด คลัง,นายนรินทร์ โอภามุรธาวงศ์ กรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ก็มา
คนในวงการคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรมรวมถึงนักวิชาการ เรียกว่า มาครบหมด โดยคณะกรรมการสรรหา จะคัดเลือกเหลือ 9 คนในขั้นตอนแรก เพื่อให้ผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์ด้วยวาจาต่อที่ประชุม จากนั้นคณะกรรมการฯ จะคัดเลือกเพียง 3 คน ด้วยการออกเสียงลงคะแนนลับและจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกผ่านทางเว็บไซต์ กกพ. ลุ้นระทึกจริงๆงานนี้ เพราะ ถ้าไม่มีอะไรดี คงไม่มีผู้เข้าชิง…
ความหวังของคนไทย…หลังจากหาผู้ให้การสนับสนุนอยู่พักใหญ่…และแล้ว วัคซีนจุฬาฯ-ใบยา ก็ได้ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการแล้วครับ เรื่องที่ 204 คือ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นบริษัทลูก ในเครือ ปตท.สผ. ต้องร้องอ๋อกันเลย เพียง 30 ล้านบาท คืองบประมาณในการสนับสนุน ที่ เออาร์วีมอบให้เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด ชนิดโปรตีนซับยูนิตจากใบยาสูบ ซึ่งขณะนี้ วัคซีนจุฬาฯ-ใบยา กำลังอยู่ระหว่างทดสอบกับอาสาสมัคร เฟสที่ 1 ในเบื้องต้นประมาณ 100 คน หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ประเทศไทยก็จะมี วัคซีนป้องกันโควิด-19 ฝีมือคนไทยใช้เองภายในไตรมาส 3 ปี 2565 ประมาณ 5 ล้านโดสต่อเดือน หรือ ประมาณ 60 ล้านโดสต่อปี ถึงเวลานั้น บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด คงมีประกาศร่วมทุนตามมา
เรื่องที่ 205 น่าจะไปได้สวยระหว่าง “2 ด๊อกเตอร์” ของ EXIM BANK เพราะทั้ง “ดามพ์ สุคนธทรัพย์” และ “รักษ์ วรกิจโภคาทร” ต่างก็ผ่านประสบการณ์ทำงานระดับบริหารมาแล้วด้วยกันทั้งคู่ คนในวงการการเงินการคลัง คุ้นเคยกับ “ดร.รักษ์” แน่! แต่กับ “ดร.ดามพ์” ผู้เป็นเสมือน “แมว 9 ชีวิต” ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน ใครจะคิดว่า “สิงห์ดำ” ที่เคยมีดีกรีเป็นถึง “เลขานุการเอก” คณะทูตถาวรประจำ UN จะกระโดดไปนั่งบริหารงานกับบริษัทข้ามชาติอย่าง ฟิลลิป มอริส ดูแลในภูมิภาคเอเชีย จากนั้น ก็ย้ายไปทำงานร่วมกับเทสโก้ โลตัสในไทย ก่อนจะข้ามสายไปนั่งเป็น “รองซีอีโอ” ของค่ายดีแทค ชีวิตลูกชายของ “นายพลทหารอากาศ” (พล.อ.อ.จรรยา สุคนธทรัพย์) ผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะมาก และที่สุด เมื่อ 17 ส.ค.64 ที่ผ่านมา ครม.ก็ไฟเขียวตามข้อเสนอของ กระทรวงการคลัง ให้ “ดร.ดามพ์” มานั่งในตำแหน่งบอร์ดของ EXIM BANK ก่อนได้แรงหนุนอีกขั้น ควบเก้าอี้ ปธ.บอร์ดบริหาร คู่กันไป
ล่าสุด ทั้ง “ดร.ดามพ์” และ “ดร.รักษ์” ต่างโชว์วิสัยทัศน์ในงาน สัมมนาออนไลน์ “Digital พลิกโฉมการค้าโลก” เมื่อช่วงสาย 8 ก.ย.2564 ฟันธง! พิษโควิดฉุดเศรษฐกิจโลก พร้อมแนะให้ผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะแม้เศรษฐกิจและการค้าปกติจะไม่ปกติไปทั่วโลก แต่กลายเป็นโอกาสของธุรกิจค้าออนไลน์ ที่ “ดร.รักษ์” ระบุชัด แม้โควิด จะดึงให้จีดีพีของโลกหดหัวเมื่อปี 63 ถึง 3.2% แถมกดให้การค้าสินค้าและบริการของโลกหดตัว 9% และ 15% กระนั้น โลกของอีคอมเมิร์ซก็เติบโตและมีอนาคตสดใส ตัวเลขปี 63 ขยายตัวกว่า 20% จาก 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี2562 เป็น 4.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 คาดจะพุ่งสูงถึง 4.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 7.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี2568 แปลความได้ว่า จากนี้ไป ดิจิทัลจะเข้ามาพยุงหรือรองรับเศรษฐกิจในช่วงขาลง มิน่า กรมสรรพากร ยุค “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส” ดึงเด้งรับสถานการณ์นี้ได้ไวนัก
เรื่องที่ 206 ประเด็นที่ AEC10NEWS เคย “เปิดหัว” เอาไว้เมื่อต้นปี 2564 เป็นจริงแล้ว! หลังจาก ธ.ก.ส. ภายใต้การนำของ “ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์” เพิ่งประกาศอย่างเป็นการทางการ พร้อมแล้ว! สำหรับเงินกู้ “ล้านละร้อย” ที่จะมีให้กับวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม สหกรณ์การเกษตร ซึ่งต้องการจะเพาะปลูก “กัญชา” เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการศึกษาวิจัยพัฒนา แต่องค์กรภาคประชาชนเหล่านี้ จะต้องจัดตั้งให้ถูก กฎหมายและยังต้องเซ็น MOU ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษา รวมถึงมีใบอนุญาตฯ จาก อย. เรียกว่าคุมเข้ม! ตั้งแต่ต้นน้ำกันเลยทีเดียว งานนี้ คนที่ “หัวใจพองโตที่สุด!” ไม่พ้น “หัวคะแนน” ของบรรดานักการเมืองระดับชาติ ยิ่งการรวมกลุ่มของเกษตรกและประชาชนในพื้นที่มากเท่าใด โอกาสจะได้เสียงสนับสนุนในทางการเมืองก็ย่อมมีสูง ทว่า…มีเรื่องดีๆ อย่างนี้ ก็ยังจะดีกว่า…จะปล่อยให้คนไทยต้องควักจ่ายเงินไปซื้อยาจากต่างประเทศ เอาเป็นว่า กลุ่มไหนที่ความพร้อม และเข้าเกณฑ์ของ ธ.ก.ส. สนใจรีบติด ต่อขอกู้ได้เลยที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
ตบท้ายประเด็นสัปดาห์นี้ ผลการประชุม ครม.ไม่ใช่เรื่องโยกย้ายคลังไปซะแล้ว แต่ไฮไลท์อยู่ที่สำนักงบประมาณ นัยว่า ปีนี้ “ดีซี” เดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เกษียณในเดือนก.ย.นี้ จำเป็นต้องส่งไม้ต่อเพื่อให้องค์กรอยู่รอดต่อไปได้ ครม.พิจารณาแล้ว จึงมีมติแต่งตั้ง “เฉลิมพล เพ็ญสูตร” รองผู้อำนวยการสำนักงบฯ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวย การฯ ถือว่า “พลิกล็อค” ผิดคาดอย่างมาก แต่สุดท้าย “ดีซี” ออกมาการันตี “เฉลิมพล” ขออนุญาตนายกฯ “บิ๊กตู่” ดันคนในสำนักงบฯ ขึ้นแทนตัวเอง ถือว่า “ดีซี” มี Power ยอมขึ้นชกดันคนอาวุโสสูงสุดภายในบ้านรับไม้ต่อจนสำเร็จ
ส่วนคนชื่อ “เฉลิมพล” ถือเป็นลูกหม้อสำนักงบประมาณตั้งแต่กำเนิด จับงานมาทุกด้านทุกกระทรวง ยกเว้นกระทรวงการคลัง คนคลังจึงสงสัย “ว่าที่ ผอ.สำนักงบฯ” เป็นใครกัน ถึงเส้นดี ตอบได้เลยว่า “เส้นดี” เพราะ “นายดี” นั่นเอง
ขณะที่ “น้องนัท” หรือ ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่ “เลขา ครม.” จริงๆ มีข่าวว่า ชิงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เพราะเป็นลูกหม้อสำนักงบฯ เหมือนกัน แต่ไปต่อไม่ได้ (อ่านข้างบนดีก่อน) จึงมาลงเอยที่ตำแหน่ง เลขา ครม.
ดังนั้น ต่อไปนี้ ใครจะเรียกน้องนัท หรือ นัท เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่า “ท่านนัท” เหมือนกับ “หม่อง” พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากรเจอกันตั้งแต่เด็กๆ นั่งเล่น นั่งทำงานในห้องเล็กๆ สูบบุหรี่ควันโขมงที่กรมบัญชีกลาง อยู่กับนายเก่าชื่อ “กบ” กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เรียกชื่อจาก “หม่อง” ไปเป็น “ท่านหม่อง” เหมือนกัน
“ท่านหม่อง-ท่านนัท” ถือว่า ไม่ธรรมดาทั้งคู่ แต่ใครเล่าจะเก่งกว่ากัน รายงานสายตรงระบุว่า “หม่อง” กลัว “นัท” จึงต้องจบเรื่องทางสังคมคนในบ้านไปก่อน ส่วนเรื่องงาน ตำแหน่ง “เลขา ครม.” กินตำแหน่งซี 11 ใหญ่กว่าอีก 1 ขั้น เพราะอธิบดีกินตำแหน่งซี10
ดังนั้น ตำแหน่งของ “ท่านนัท” จึงไม่ใช่ตำแหน่งสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะคนรุ่นนี้ กินตำแหน่งซี 10 เกิดระหว่างปี2513-14-15-16 อายุมากสุดเพียง 50 ต่ำสุดประมาณ 48-49 ปีเท่านั้น มีอีกนับสิบๆ คน กระจายไปทั่วกระทรวงการคลัง (ไม่ขอเอยนาม) แต่หากรับราชการต่อไปจนเกษียณก็คงเดากันยาก “จุดหมายปลายอยู่ที่ตรงไหน” หรือจะตกม้าตาย ปลาวาฬเกยตื้นเหมือนคดีดังๆ ในอดีตก็ไม่รู้แน่ชัด แต่รับรองได้ว่า นับจากปีงบประมาณ2565 เป็นต้นไป การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงสนุกยิ่งกว่า “เล่นเก้าอี้ดนตรี” อย่างแน่นอน.
โดย นพวัชร์