ซีอีโอซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ลาออก
นายควอนโอฮยอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ประกาศลาออกท่ามกลางวิกฤตที่กำลังรุมเร้าบริษัท
นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งล่าสุดของบริษัทหลังจากทายาทของอาณาจักรซัมซุงกรุ๊ปถูกคุมขังในข้อหาคอร์รัปชั่นเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
โดยนายควอนเป็น 1 ใน 3 ของผู้บริหารร่วมของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ การลาออกของเขามีขึ้นในวันเดียวกันกับการคาดการณ์ตัวเลขผลกำไรประจำไตรมาสที่สูงขึ้นจากส่วนเมมโมรีชิป
เขาชี้แจงว่า เขาได้คิดมาสักระยะหนึ่งแล้วเกี่ยวกับการวางมือจากตำแหน่งผู้บริหาร
“เนื่องจากเรากำลังประสบกับวิกฤตที่หนักหนาเป็นประวัติการณ์ภายในองค์กร ผมเชื่อว่าถึงเวลาที่บริษัทจะต้องเริ่มต้นใหม่ ด้วยสปิริตใหม่และผู้นำรุ่นใหม่ที่จะรับมือได้ดีกว่ากับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมไอที” เขากล่าวในแถลงการณ์ เขาจะยังคงอยู่ในบอร์ดบริหารของซัมซุงอิเล้กทรอนิกส์จนกระทั่งเดือนมี.ค.2561
ทั้งนี้ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์เปรียบเสมือนเพชรยอดมงกุฎของอาณาจักรซัมซุงกรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทในเครือประมาณ 60 แห่ง และเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นธุรกิจของครอบครัวและทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ที่เรียกกันว่า แชโบล ในภาษาเกาหลี
เมื่อเดือนส.ค.นายอีแจยอง ทายาทของซัมซุงกรุ๊ปถูกตั้งข้อหาจากการให้สินบนและคอร์รัปชั่น และถูกพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี นายอีถูกกล่าวหาว่า บริจาคเงินมูลค่า 41,000 ล้านวอน หรือประมาณ 1,198 ล้านบาทให้กับมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ก่อตั้งโดยชเวซุนซิล เพื่อนสนิทของอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ทางการเมือง
เขายื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินให้ลงโทษจำคุก และกลับมาขึ้นศาลอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 ต.ค.
แอนดรูว์ มิลรอย หัวหน้าบริการที่ปรึกษาที่ Ovum ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเทคโนโลยีให้ความเห็นว่า ซัมซุงจำเป็นต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่นของรัฐบาลและตลาดการเงินในช่วงควันหลงของข่าวคอร์รัปชั่นที่อื้อฉาว
“นี่อาจหมายถึงผู้บริหารระดับสูงคนใหม่ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องฉาวที่ผ่านมา” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านผู้นำองค์กรดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท โดยก่อนหน้าการประกาศลาออกของซีอีโอควอน ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์แถลงว่าจะรายงานผลกำไรต่อไตรมาสที่สูงทำสถิติใหม่จากราคาชิปที่สูงขึ้น
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกคาดการณ์ว่า กำไรจากผลประกอบการในไตรมาสสิ้นสุดเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรจะสูงถึง 14.5 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 426,573 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด
ขณะที่ส่วนเมมโมรีชิปเป็นธุรกิจขับเคลื่อนหลักที่ทำกำไรสูงสุดให้ซัมซุง ธุรกิจสมาร์ทโฟนก็ได้แรงหนุนสำคัญจากรุ่น Note 8 ซึ่งมียอดสั่งจองล่วงหน้าสูงสุดของบริษัท
อย่างไรก็ตาม นายมิลรอยกล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนกำลังชะลอตัว และบริษัทกำลังเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมาก
“อาจเป็นคนใหม่ที่สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมขึ้นและบริหารจัดการบริษัทให้ตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นได้ยิ่งกว่าเดิม” เขากล่าว.