ชี้ส่งออกไทยปีหน้าโตรับสงครามการค้ายืดเยื้อ
กกร.ชี้เศรษฐกิจไทยยังดีต่อเนื่อง เหตุจากส่งออกและท่องเที่ยว พร้อมคงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเท่าเดือนก่อน จับตาท่าทีเฟดหากปรับขึ้นดอกเบี้ย จนส่งผลกระทบทำให้เงินทุนไหลออก แบงก์ชาติอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำแบงก์ต้องขึ้นดอกเบี้ยตาม เชื่อสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลบวกต่อการส่งออกไทยในปีหน้า
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวถึงการประชุมประจำเดือนสิงหาคม 2561 ว่า กกร.ยังคงให้ความสำคัญกับการประเมินภาวะเศรษฐกิจไทย แม้จะไม่ได้อยู่ช่วงเวลาของการปรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญก็ตาม ทั้งนี้ กกร.เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตด้วยดี จากแรงส่งของการส่งออกและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้เกษตรกรที่กลับมาบวกติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยประคองกำลังซื้อของฐานรากไม่แย่ลง
“ปกติ กกร.จะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจเพื่อปรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะดูกันอีกครั้งก็ช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ แต่โดยภาพรวมเชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังคงอยู่ในระดับ 4.3-4.8% ขณะที่ตัวเลขการส่งออกยังคงโตอยู่ที่ระดับ 17.0-10.0% สำหรับอัตราเงินเฟ้อยังประเมินเท่าเดิมที่ 0.9-1.5% ซึ่งเป็นกรอบประมาณการที่ประเมินไว้ตั้งแต่เมื่อเดือนแล้ว”
นายปรีดีกล่าวอีกว่า สิ่งที่ กกร.ยังต้องติดตามคือประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งแม้ว่าในปีนี้จะยังไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมากนัก แต่กับภาคการส่งออกของไทยในปีหน้า อาจจะได้รับผลกระทบที่เป็นบวก หากทางการสหรัฐฯปรับเพิ่มภาษีกับสินค้าจีน ทั้งรายการสินค้าและอัตราภาษี รวมทั้งยังจะส่งผลต่อทิศทางค่าเงินในภูมิภาคที่อาจมีแนวโน้มผันผวนอ่อนค่าลงตามค่าเงินหยวน
“ในส่วนของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น กกร.เชื่อว่าน่าจะยังรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 1.5%อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายคงรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่พยายามส่งสัญญาณมาตลอดว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์กันอีกที หากทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกประเทศ กนง.ก็อาจพิจารณานโยบายดอกเบี้ยกันอีกที ซึ่งในส่วนของธนาคารพาณิชย์เอง ก็ต้องดูนโยบายของ ธปท.ด้วย” นายปรีดีกล่าว
ด้านนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเสริมว่า หากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขยายตัวในวงกว้าง สิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไทย เนื่องจากบริษัทเอกชนของจีนและสหรัฐฯต่างก็มีฐานที่มั่นในไทย เมื่อ 2 ประเทศตั้งกำแพงภาษีระหว่างกัน โอกาสที่บริษัทของทั้ง 2 ประเทศ จะสั่งซื้อสินค้าไทยเพื่อนำไปจำหน่ายในจีนและสหรัฐฯก็มีสูงขึ้น.