คลังสรุปปิดฉาก “คนละครึ่ง” ตัดสิทธิ์คนโกงร่วมโครงการใหม่
“โฆษกคลัง” สรุปปิดฉากโครงการคนละครึ่ง พบยอดใช้จ่ายกว่า 1 แสนล้านบาท มีผู้ใช้สิทธิ์เกือบ 14.8 ล้านคน จากเป้าหมาย 15 ล้านคน ระบุ! มีคนใช้เงินครบ 3,500 บาทตามสิทธิ์เพียง 7.8 ล้านคน แต่ใช้จ่ายมากกว่า 3,000 บาท มากถึง 13.65 ล้านคน ย้ำ! เอาผิดกลุ่มโกงสิทธิ์ให้ถึงที่สุด ส่วนคนร่วมโกงถูกตัดสิทธิ์ร่วมโครงการใหม่ๆ
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวสรุปโครงการคนละครึ่ง และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 ว่า พบยอดการใช้จ่ายตลอดโครงการ 102,065 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 52,251 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 49,814 ล้านบาท โดยมีผู้ใช้สิทธิทั้งสิ้น 14,793,502 คน จากเป้าหมาย 15 ล้านคน
โดยจำนวนนี้ มีการใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป 13,653,565 คน หรือประมาณร้อยละ 92 ของผู้ใช้สิทธิทั้งหมด โดยมีคนใช้จ่ายครบ 3,500 บาท 7,819,925 คน จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ สงขลา และเชียงใหม่
ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศขยายตัวต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ถึงไตรมาสแรกของปี 2564 แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการบริโภคในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก และก่อให้เกิดการหมุนเวียนของการผลิตและการค้าที่เกี่ยวเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
โฆษกกระทรวงการคลัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้ตรวจพบการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่ง และได้มีการระงับการใช้แอปพลิเคชันและการจ่ายเงินร้านค้า รวมทั้งจัดส่งข้อมูลร้านค้าและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าวให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนและดำเนินการทางกฎหมายแล้วทั้งสิ้น 749 ราย
โดยมีการร้องทุกข์กล่าวโทษร้านค้าและประชาชนที่เกี่ยวข้องแล้ว 85 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบของ สตช. และ ปอศ. และจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่งจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการอื่นของกระทรวงการคลังได้อีก.