ผู้ผลิตไทยส้มหล่น
สหรัฐฯ เชิญผู้ผลิตไทยเข้าพบในหลายเมือง เพื่อสำรวจและเตรียมสั่งสินค้า หลังสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนเริ่มระอุ กระทรวงพาณิชย์ไม่หวั่น ไทยติดร่างแห่ เกินดุลสหรัฐฯ มาก กลายเป็นดาบสองคม ถูกตั้งกำแพงภาษีซ้ำรอยจีน
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เมืองไมอามี นครนิวยอร์ค นครลอสแอนเจลิส และนครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่า ในขณะนี้ผู้นำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ หลายรายที่เคยนำเข้าสินค้าจีน เริ่มเชิญผู้ผลิตและส่งออกสินค้าจากไทย เพื่อเจรจานำเข้าสินค้าไทยชดเชยสินค้าจีนที่ถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีสูงสุดที่ 25% จึงเป็นโอกาสสินค้าไทยที่จะส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
” ตอนนี้ผู้นำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนแผนในการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากจีนแล้ว และสินค้าไทยก็อยู่ในรายชื่อหลายรายการ เช่น ทูตพาณิชย์เมืองนิวยอร์กแจ้งว่า ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ได้ติดต่อเพื่อขอข้อมูลผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และกรอบแว่นสายตา เพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากจีน และทูตพาณิชย์เมืองชิคาโกแจ้งว่า ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ต้องการเพิ่มสินค้าไทยในกลุ่มสายไฟฟ้า ฮาร์ดดิสค์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไฟเบอร์ออฟติก ไส้กรองของเหลว เป็นต้น “ นางจันทิรา กล่าว
นอกจากนี้ ทูตพาณิชย์ในสหรัฐฯ ยังให้ข้อมูลว่า ขณะนี้มีบริษัทจีนจำนวนมากได้พิจารณาปรับแผนการลงทุนด้วยการย้ายฐานการผลิตมาตั้งโรงงานในไทยและประเทศอื่นๆ เพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่จะได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าในครั้งนี้ เนื่องจากการคาดการณ์ผลกระทบจากสงครามการค้าในครั้งนี้ สินค้าไทยจะสามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดจีน และตลาดสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 33,000 ล้านบาท ส่งผลให้การส่งออกของไทยจะขยายตัวอีกประมาณ 0.4%
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ต้องการแนะนำให้ผู้ส่งออกไทยต้องมีความระมัดระวังในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ให้มากขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและราคา เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าที่สหรัฐฯ จับตามองและหันมาบังคับใช้มาตรการทางภาษีกับสินค้าจากไทย เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของสหรัฐฯ ในตอนนี้
” แนวโน้มมาตรการกีดกันทางการค้าด้านภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งสหรัฐฯ จะบังคับใช้กับสินค้าจีนยังมีมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาคืออาจทำให้ผู้ประกอบการจีนย้ายฐานการผลิตมายังไทย หรือส่งสินค้ามาเปลี่ยนผ่านเป็นแหล่งกำเนิดจากไทย เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ดังนั้นหากไม่ระมัดระวังความเสี่ยงที่ตามมา อาจทำให้สินค้าไทยถูกใช้มาตรการต่างๆ เช่น เอดี , ซีวีดี และเซฟการ์ด เหมือนกับกรณีเครื่องซักผ้าที่ในอดีตผู้ผลิตเครื่องซักผ้าเกาหลีใต้ย้ายฐานการผลิตมาไทย เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการเอดีของสหรัฐฯ แต่เลี่ยงได้แค่ชั่วคราว เป็นต้น “ นางจันทิรา กล่าว
พร้อมระบุว่า ในส่วนของด้านลบพบว่าหลังจากที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากจีน ทำให้สินค้าจีนมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการของสหรัฐฯ ที่อยู่ในจีนย้ายฐานการผลิต และผู้ประกอบการไทยที่เคยจำหน่ายวัตถุดิบให้ในสินค้าที่เกี่ยวข้องอาจต้องเตรียมหาตลาดสำรองไว้ รวมถึงในกรณีที่นำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น อาจทำให้สหรัฐฯ เสียดุลการค้ากับไทยเพิ่มเช่นกัน และอาจทำให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการด้านภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีจากไทยได้ในอนาคต และสินค้าทั้งสองประเทศที่มีปัญหาอาจทำให้ส่วนหนึ่งไหลเข้ามาในตลาดไทยได้.