อูเบอร์เริ่มทดสอบระบบในกัมพูชา
อูเบอร์ ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการรถร่วมโดยสารที่ใหญ่ที่สุด เริ่มเปิดใช้แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนในโหมดทดสอบในกรุงพนมเปญ ทำให้ใกล้ที่จะกลายเป็นบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่แห่งแรกที่เปิดให้บริการรถร่วมโดยสารในกัมพูชา
โดยผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวกัมพูชาโพสต์ได้ทดลองใช้บริการแอปพลิเคชั่นของอูเบอร์อย่างสมบูรณ์เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ถึงแม้บริการจะให้ผู้โดยสารใช้ได้ผ่านรหัสโปรโมชั่นของบริษัท และการเดินทางที่ใช้ได้ฟรีจากการทดสอบระบบที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้
อ้างอิงจากใบเสร็จของการเดินทางฟรีครั้งนี้ ทางอูเบอร์คิดราคาพื้นฐานอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามระยะทางและเวลาในการเดินทาง เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ผู้โดยสารสามารถเลือกที่จะจ่ายค่าโดยสารผ่านบัญชีธนาคารที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น หรือจ่ายเงินสด ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทางอูเบอร์มีให้เลือกในประเทศที่ใช้เงินสดเป็นส่วนใหญ่ในตลาด
ปัจจุบันนี้ อูเบอร์ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันได้เปิดให้บริการรถร่วมโดยสารมากกว่า 570 เมืองใหญ่ทั่วโลก โดยผู้โดยสารและคนขับจะถูกจัดสรรให้มาเจอกันผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
คนขับรายหนึ่งให้ข้อมูลกับพนมเปญโพสต์ว่า เขาได้รับผู้โดยสารเพียงรายเดียวผ่านแอปพลิเคชั่นของอูเบอร์ตลอดทั้งวันที่ 22 มิ.ย. โดยบริษัทเพิ่งยืนยันสถานะการขึ้นทะเบียนเป็นคนขับของอูเบอร์ของเขาเพียงหนึ่งวันก่อนหน้านี้
โดยคนขับรายนี้ ซึ่งให้บริการเป็นแท็กซี่ส่วนตัวในประเทศ กล่าวว่า เขาทำงานให้กับบริษัทแท็กซี่ และหารายได้พิเศษจากการเป็นคนขับอิสระให้กับบริการร่วมโดยสารทั้งอูเบอร์และเอ็กซ์เน็ต แท็กซี่ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแบบเดียวกันของกัมพูชา
ทั้งนี้ อูเบอร์ซึ่งจดทะเบียนในกัมพูชาเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับธุรกิจของอูเบอร์ในกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ความพยายามครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการรุกคืบของบริษัทล่าสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากเข้าไปเปิดให้บริการในเมียนมาเมื่อช่วงต้นปีนี้มาก่อนแล้ว
บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ จากผู้ให้บริการรถร่วมโดยสารรายอื่นๆ เช่น แกร็บ จากสิงคโปร์ และ โก-เจ็ค จากอินโดนีเซีย
โดยตัวแทนของบริษัทได้เข้าพบกับรัฐมนตรีคมนาคมซัน จันทลและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องเมื่อเดือนเม.ย.เพื่อประชุมเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจของบริษัทและกฎข้อบังคับในประเทศ อ้างอิงจากคำแถลงของภาครัฐ
ทั้งนี้ กัมพูชาก็เหมือนกับอีกหลายประเทศในโลกที่ไม่มีกฎหมายเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการให้บริการรถร่วมโดยสาร.