อนุทิน เผย อย.จ่อ รับรองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เดือนนี้
รมว.สาธารณสุข ขอบคุณบุคลากรสาธารณสุข ที่ทุ่มเท ทุกวันเป็นวันทำงาน ผลักดันนโยบายเพื่อสุขภาพประชาชน บอก ข่าวดีคนไทยจะได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 35 ล้านโดส
(6 ม.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ประชุมทางไกลผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดี ผู้ตรวจราชการกระทรวง ร่วมประชุม
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ ได้ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข นัดแรกของปี 2564 ออนไลน์ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการกักกันตัวเอง ผลตรวจ 2 ครั้งเป็นลบ วันนี้จะตรวจอีกครั้ง ซึ่งผู้บริหารส่วนหนึ่งที่อยู่ในระหว่างกักตัวก็ได้ร่วมประชุมออนไลน์เช่นกัน
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอขอบคุณบุคลากรที่ได้ทุ่มเท เสียสละ ทำงานดูแลสุขภาพประชาชนตลอดปีที่ผ่านมา ทุกวันเป็นวันทำงาน ไม่มีโอกาสได้พักผ่อนใช้เวลากับครอบครัว เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขไปสู่ประชาชน ทั้งเรื่อง 3 หมอ การจัดระบบบริการสุขภาพที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ การรณรงค์ลดอุบัติเหตุและความรุนแรงการบาดเจ็บในช่วงเทศกาลปีใหม่ การติดตามความก้าวหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 และการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 เราทำดีที่สุดแล้ว โรงพยาบาลต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHOSNET) ได้สนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ภารกิจบรรลุเป้าหมาย เป็นสิ่งที่พิสูจน์การทำงานเพื่อส่วนรวม เป็นความภาคภูมิใจที่ทุกฝ่ายยอมรับว่ามีกระทรวงสาธารณสุขคอยดูแล และจะช่วยกันทำทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว
นายอนุทิน กล่าวว่า ข่าวดีของคนไทยที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เพิ่มอีก 35 ล้านโดส ทำให้ภาพรวมวัคซีนของไทยมี 63 ล้านโดส สำหรับวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า คาดว่าปลายเดือนมกราคม 2564 นี้ จะผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คนไทยจะได้รับวัคซีนที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
สำหรับภาคเอกชนนั้น กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กีดกันการนำเข้า แต่ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง การนำเข้าวัคซีนโควิด 19 จะต้องได้รับการอนุมัติจาก อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย
ส่วนวัคซีน 2 ล้านโดสที่ซื้อจากประเทศจีน จะเริ่มฉีด 2 แสนโดสในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีแผนที่จะให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องทำงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมีอาการรุนแรง
รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับชุดทดสอบ (Rapid Test) ที่ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยตนเอง ยังไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์และอย.ได้แจ้งเตือนแล้ว ขอให้ประชาชนระวังการให้ผลลบปลอม จะทำให้ชะล่าใจ นำเชื้อมาสู่ครอบครัว เสียเงินโดยไม่จำเป็น การตรวจที่ปลอดภัยขอให้รับการตรวจจากโรงพยาบาล