“ไร่ภูแสงทอง” ผักออแกนิกมาตรฐานไทยแลนด์
ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีทางเลือกในการรับประทานอาหารเพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่องทางในการซื้อหาผลิตภัณฑ์มารับประทาน โดยเทรนด์ที่เป็นกระแสมาอย่างต่อเนื่องก็คืออาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งนับวันยิ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเรื่องดังกล่าวนี้มากขึ้น
อาหารเพื่อสุขภาพจึงกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้นตามกระแสดังกล่าว โดยจะเห็นได้จากจำนวนของผลิตภัณฑ์ และช่องทางที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค “ไร่ภูแสงทอง” เป็นอีกไร่หนึ่งที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้การดูแลของ “ภานุพงษ์ เร่งรัดกิจ” ซึ่งเป็นเจ้าของ และได้ Startup ธุรกิจของตนเองขึ้น
เกษตรแบบผสมผสาน
ภานุพงษ์ บอกถึงที่มาที่ไปในการทำธุรกิจว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากชีวิตช่วงหนึ่งได้เคยไปอยู่ที่ต่างประเทศ และได้พบเห็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่วางจำหน่ายอยู่ ขณะที่คุณอาของตนก็ทำงานอยู่ที่ซุบเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) ทำให้พบว่าเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ หรือแบบออแกนิก หรือผักปลอดภัยกำลังเป็นตลาดที่มาแรง จากเดิมที่จะมีชั้นวางจำหน่ายเพียงแค่ชั้นเดียวเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศก็มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแทบจะหมดทั้งห้าง
เมื่อมีโอกาสกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย เพื่อช่วยงานของครอบครัว ตนจึงได้ใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งไปทำสวนขนาดไม่ใหญ่มาก จากพื้นที่ซึ่งเคยปล่อยให้ผู้อื่นเช่าทำมาหากิน โดยมีแนวคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์ออแกนิก ซึ่งเป็นเกษตรแบบผสมผสานไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ปลูกพืชน้อยแต่ให้ผลผลิตที่สร้างมูลค่าได้ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นการตอบโจทย์การทำเกษตรของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันหาผู้ที่มีพื้นที่การเกษตรมากแทบจะไม่ได้แล้ว ดังนั้น การทำเกษตรแบบมีคุณภาพ ดูแลอย่างดีจึงน่าจะเป็นทางเลือกทีดีที่สุด
“เริ่มต้นด้วยการทำเกษตรแบบอินทรีย์มาหลายปีจากที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลย ก็ได้มีการเตรียมต้นไม้มาปลูก นำไม้ผลมาลงในพื้นที่ จัดหาคนงานมาช่วยงาน โดยความรู้ส่วนใหญ่มาจากการที่ได้ศึกษาทฤษฎีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 มาบ้างพอสมควร ซึ่งทำให้รู้ว่าการทำเกษตรแบบผสมผสานนั้นมีแนวทางว่าปลูกผักเพื่อเป็นรายได้ การปลูกไม้ผลเพื่อเป็นเงินออม และปลูกข้าวเพื่อสำหรับรับประทาน เสมือนมีธงให้เดินตาม”
มาตรฐานออแกนิกไทยแลนด์
ภานุพงษ์ บอกต่อไปอีกว่า ในช่วงแรกตนเริ่มปลูกผักแบบอินทรีย์ที่ไม่ได้มีการจดมาตรฐานอะไร ซึ่งมักจะมีผู้บริโภคถามอยู่เสมอว่าเป็นผักแบบอินทรีย์จริงหรือไม่ เพราะมีผู้ขายอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นตนจึงไปจดทะเบียนมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของไทย จนปัจจุบันที่ไร่ภูแสงทองได้ถูกยกระดับให้เป็นฟาร์มออแกนิกที่ได้มาตรฐานออแกนิกไทยแลนด์
ทั้งนี้ เมื่อได้มีการจดมาตรฐาน ไร่ภูแสงทองจึงได้รับโอกาสให้ไปออกบูธในงานออแกนิกเอ็กซ์โปร ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ทำให้ได้พบกับผู้แทนจากท็อปส์มาร์เก็ต (Tops Market) และได้มีการเจรจาทางธุรกิจเพื่อนำผลิตภัณฑ์จากไร่ไปจำหน่ายที่ท็อปส์ฯสาขาขอนแก่น โดยเป็นผักเกือบทุกชนิดของไร่ที่สามารถนำมารับประทานแบบสลัดได้ นอกจากนี้ ท็อปส์ฯ ยังได้ให้พื้นที่อีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้ไร่ภูแสงทองนำผลิตภัณฑ์อื่นเข้าไปจำหน่ายอีกด้วย
ขณะที่ผักเกรดรองลงมาจะนำมาจำหน่ายที่ฟาร์ม และจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลภูเขียว อีกทั้งยังมีท็อปส์สาขาชัยภูมิที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์จากไร่ภูแสงทองไปจำหน่าย แต่ตนยังไม่ได้นำผลผลิตไปจำหน่ายมากนัก เนื่องจากไม่สามารถผลิตได้ทันต่อการนำไปจำหน่าย
“จุดเด่นของผลิตภัรฑ์ภายใต้แบรนด์ไร่ภูแสงทอง อยู่ที่การเป็นผักแบบออแกนิก และมีรสชาติที่อร่อยผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี จากคำชื่นชมของลูกค้าที่ซื้อไปบริโภค”
โครงการผักปลอดภัย
ภานุพงษ์ บอกอีกว่า ล่าสุดตนกำลังมีแนวคิดที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของผักปลอดภัย ซึ่งจะแตกต่างจากผักออแกนิกตรงที่สามารถฉีดสารเคมีได้ตามเวลาที่กำหนด และจะต้องหยุดใช้เมื่อใกล้ถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยว เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง โดยจะเป็นการรวมกลุ่มเกษตรในหลายพื้นที่ที่พยายามจะเป็นเกษตรอินทรีย์แต่ยังไม่ได้เป็นเกษตรอินทรีย์ ซึ่งขั้นตอนในปัจจุบันตนได้มีการไปพูดคุยกับเกษตรอำเภอแล้วหลายพื้นที่ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้ และเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นในการทำเป็นผักออกแกนิกต่อไปใอนาคต เนื่องจากการทำความเข้าใจกับชาวบ้านอาจเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ดังนั้น จึงใช้วิธีค่อยๆให้ได้เรียนรู้กันไปด้วยตนเอง ซึ่งโครงการผักปลอดภัยดังกล่าวนี้จะใช้อีกแบรนด์หนึ่งในการจำหน่าย เพื่อความชัดเจนสำหรับผู้บริโภค โดยชื่อแบรนด์ที่คิดว่าอาจจะใช้ชื่อว่า “ผักตั้งใจ”
นอกจากนี้ ตนยังมีแนวคิดที่จะนำมะเขือเทศพันธุ์ใหม่ที่ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มีการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมา เพื่อต่อยอดมะเขือเทศเชอรี่นิลมณีที่ไร่ภูแสงทองปลูก และจำหน่ายอยู่ โดยเป็นมะขือเทศเขียวที่ลูกมีขนาดใหญ่ รสชาติอร่อย
“ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มีส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจของไร่ภูแสงทองให้เติบโตขึ้นผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ( policy Loan) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ และไร่ภูแสงทองให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น”
เบอร์ติดต่อ : 084-6015923 คุณภานุพงษ์ เร่งรัดกิจ