‘โรม’ แนะ ‘ประยุทธ์’ พักงาน ‘จุติ ไกรฤกษ์’
“ศิริกัญญา” เรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาปมค่าครองชีพขึ้นแบบหน้ากระดาน แนะอัดฉีดเงินเพิ่มค่าครองชีพตรงจุดกว่าขอร้องผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้า ด้าน “โรม” จี้นายกฯ พักงานพร้อมตั้งสอบให้ถึง “จุติ ไกรฤกษ์” ปมค้ามนุษย์ที่สุราษฎร์ฯ หวั่นเป็นกระบวนการสอบแบบ “คนกันเอง” เอื้อปลาตัวใหญ่รอด
วันที่ 8 พ.ค. รังสิมันต์ โรม โฆษกพรคก้าวไกล พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวกรณีค่าครองชีพและราคาสินค้าที่เตรียมปรับขึ้นแบบหน้ากระดาน และกรณีการขยายผลจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์เข้ามีส่วนเกี่ยวข้องหลายคน
ในส่วนของศิริกัญญา กล่าวถึงสถานการณ์ราคาสินค้าและค่าครองชีพในขณะนี้ โดยระบุว่าในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา มีสินค้าที่ปรับขึ้นราคากว่า 270 รายการ และเมื่อย่างเข้าเดือน พ.ค. สินค้าก็กำลังทยอยปรับราคาขึ้นแบบหน้ากระดานเพิ่มขึ้น เช่น ไข่ไก่ เบอร์ 4 จาก 3.50 บาท เป็น 4 บาทต่อฟอง, หมูเนื้อแดงปรับขึ้นเป็น 200 บาท ต่อ ก.ก., บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปรับขึ้นซองละ .50-1 บาท เป็นซองละ 7 บาท, เครื่องดื่มชูกำลัง ขึ้นเป็น 12 บาทต่อขวด, น้ำมันดีเซล จาก 30 บาท เป็น 32 บาทต่อลิตร, แก๊สหุงต้มขึ้นเป็น 348 บาทต่อถัง เป็นต้น
การขึ้นราคาสินค้าแบบหน้ากระดานเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ และพิสูจน์ให้เห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลใช้อยู่นั้นไปต่อไม่ได้แล้ว เช่น การอุดหนุนราคาสินค้าบางรายการ เช่น ราคาน้ำมันและแก๊สหุงต้ม มาถึงจุดที่รัฐบาลอุดหนุนต่อไม่ไหว ส่วนการขอร้องผู้ประกอบการให้ช่วยตรึงราคาสินค้า ผู้ประกอบการก็ตรึงราคาเอาไว้ไม่ไหวเช่นกัน
ที่น่ากังวล คือนี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดการขึ้นราคาสินค้า ขณะที่เงินเฟ้อ ซึ่งเป็นราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่าย ขึ้นเพียง 4.65% แต่ฝั่งต้นทุนของผู้ประกอบการขึ้นไปรอถึง 12.8% เท่ากับว่าการที่ราคาสินค้ายังไม่ขึ้นตอนนี้ เป็นการแบกรับจากฝั่งผู้ประกอบการ แต่ไม่สามารถส่งผ่านราคามาที่ผู้บริโภคได้ เนื่องจากกำลังซื้อที่หดตัวลง
ดังนั้น จากมาตรการบรรรเทาค่าครองชีพที่รรัฐบาลได้ประกาศมา ว่าตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไปจะมีออกมา 10 มาตรการ ที่ส่วนใหญ่แล้วมีลักษณะจำกัดมาก เช่น มาตรการช่วยค่าแก๊สหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, มาตรการส่วนลดค่าแก๊สหุงต้มให้หาบเร่แผงลอย, มาตรการอุดหนุนค่าน้ำมันแก๊สโซฮอลล์สำหรับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง, มาตรการช่วยลดค่าไฟสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย, การคงราคา NGV/LPG สำหรับแท็กซี่, การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เป็นมาตรการที่เฉพาะกลุ่มมากๆ และยังไม่ทั่วถึง ไม่ครอบคลุมประชากรในแต่ละกลุ่ม และต่อปัญหาค่าครองชีพในขณะนี้
ศิริกัญญา กล่าวต่อ ว่าสิ่งที่ต้องเรียกร้องและถามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ คือจากนี้ไปจะมีมาตรการอื่นออกมารองรับปัญหาค่าครองชีพของประชาชนอีกหรือไม่ หรือจะเป็นการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ตรึงราคาสินค้าต่อไป ซึ่งทำไม่ได้จริง
พรรคก้าวไกล จึงเสนอว่าควรต้องมีการเติมเงินในฝั่งรายได้ โดยการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชนโดยตรง เป็นเงินสดหรือผ่านแอพพลิเคชั่นแบบที่ทำมาก็ได้ เพราะในขณะนี้ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากราคาสินค้าที่ขึ้นแบบหน้ากระดาน ที่ทำให้การช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่มไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
“ถ้าเราเติมค่าครองชีพให้กับประชาชน ธุรกิจรายย่อยที่รับสินค้ามาแพงอยู่แล้ว จะสามารถส่งผ่านราคาไปให้ผู้บริโภคได้ สามารถขายราคาที่แพงขึ้นได้อีกเล็กน้อย แต่ทุกคน รวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจ ก็จะยังเดินต่อไปได้ ไม่ชะงักงันแบบทุกวันนี้” ศิริกัญญ ากล่าว
ศิริกัญญา ยังแถลงต่อถึงการพิจารณางบประมาณปี 2566 วาระที่ 1 ที่จะเกิดขึ้นในสมัยประชุมสภาที่จะมาถึงนี้ ซึ่งจะเป็นงบประมาณก้อนสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งพรรคก้าวไกลจะมีการจัดกิจกรรม “แฮ็กกาทอน” เชิญชวนประชาชนร่วมการตรวจสอบงบประมาณประจำปีไปด้วยกันกับพรรคก้าวไกล โดยกิจกรรมจะมีขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านทางเพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกลได้
ด้าน รังสิมันต์ ได้แถลงถึงกรณีการจับกุมบุคคที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์เด็กและเยาวชน จนมีการขยายผลออกหมายจับ ควบคุมตัวบุคคลที่มีอิทธิพลจำนวนหนึ่ง เช่น ลูกชายอดีต ส.ส. หลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งสังคมกำลังให้ความสนใจ หลังปรากฏว่ารองอธิบดีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบังคับให้เหยื่อที่ถูกค้าประเวณี ร่วมมือกับผู้กระทำความผิด จนมีการตั้งคำถามขึ้นมา ว่าเหตุใดคนระดับรองอธิบดี ซึ่งมีสถานะในกลไกราชการสูง ถึงกล้าเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะนี้ และมีคนให้ท้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่
จึงเป็นเรื่องที่น่าสังเกต ว่ากรณีนี้ จุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. มาตั้งแต่ปี 2562 ควรจะรู้ว่าแต่ละคนที่ตัวเองทำงานด้วยอยู่เป็นอย่างไร และที่น่ากังวลคือการที่จุติ เป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นถึงอดีตเลขาธิการพรรคมาหลายปี จะนำไปสู่กระบวนการช่วยเหลือกันอย่างเป็นระบบ ให้ผู้กระทำความผิดรอดพ้นจากกระบวนการยุติธรรมหรือไม่?
“สิ่งที่เกิดขึ้น คือคนที่เป็นลูกของอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ มีพี่สาวเป็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กระทำการผิดกฎหมาย ในพื้นที่ที่พรรคประชาธิปัตย์ครองอยู่ โดยคนที่มาช่วยเคลียร์ ก็เป็นคนที่อยู่ในกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์ครองอยู่ โดยรัฐมนตรีที่กำลังสอบสวนเรื่องนี้ ก็เป็นรัฐมนตรีที่อยู่ในโควต้าของพรรคประชาธิปัตตย์ และเคยเป็นเลขาฯ ของพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นเวลานาน เราจะมั่นใจในกระบวนการตรวจสอบได้จริงๆ หรือ? ผมเองไม่มั่นใจต่อกระบวนการตรวจสอบที่เกิดขึ้น” รังสิมันต์ กล่าว
รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า วันนี้สังคมกำลังเป็นห่วงว่าถ้าไม่เร่งดำเนินการจะจับใครไม่ได้ หรือจับได้แค่ปลาตัวเล็กเหมือนที่เคยเป็นมา พรรคก้าวไกลจึงขอใช้โอกาสนี้เรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ให้มีมาตรการตรวจสอบที่ครอบคลุมไปถึงรัฐมนตรี พม. ด้วย
โดยอย่ากังวลว่าถ้ามีการปลด เปลี่ยนแปลง ตั้งกรรมการสอบแล้วจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนรัฐบาลอีกต่อไป นายกรัฐมนตรีต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าแค่การให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการสอบสวนเท่านั้น
“สิ่งที่น่ากังวลใจคือการสอบสวนเรื่องนี้เป็นการสอบสวนแบบคนกันเองหรือเปล่า อย่างน้อยนายกรัฐมนตรีควรมีมาตรการเชิงรุกไปตรวจสอบมากกว่านี้ ตำรวจที่เจอตออยู่ควรจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นแบ็คอัพให้ พม. ควรจะเป็นกระทรวงที่ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อ ช่วยคนที่ถูกละเมิด ไม่ใช่ซ้ำเติม การมีบุคลากรใน พม. แบบนี้ทำให้สังคมไทยโดดเดี่ยว ไม่รู้จะไปพึ่งพาใครอีกแล้ว” รังสิมันต์ กล่าว