CIMBT เชื่อผลประชุมกนง. 3ก.พ. ยังคงดบ.ที่0.5%
สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยคาดผลประชุมกนง.วันที่ 3 ก.พ. นี้ ยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% แต่อาจพิจารณาลดดอกเบี้ยที่นำส่งกองทุนฟื้นฟู 0.23% ขณะเดียวกันต้องจับตาการประชุมรอบวันที่ 24มี.ค. คาดกนง.อาจลดดอกเบี้ยนโยบายลง
ดร. อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คาดการณ์ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งแรกของปี 2564 ในวันที่ 3 ก.พ.นี้ว่า กนง.อาจเลือกลดลดดอกเบี้ยที่นำส่งกองทุนฟื้นฟูหรือ FIDF ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.23% ลงทั้งหมด ซึ่งอย่างน้อยก็จะช่วยลดภาระรายจ่ายลูกหนี้ พร้อมๆ กับเพิ่มแรงจูงใจให้คนลงทุนหรือใช้จ่ายมากขึ้น แต่ส่วนสำคัญในการประชุมรอบนี้น่าจะอยู่ที่การสื่อสารว่า ทางกนง.จะฉายภาพสภาพคล่องที่ล้นในระบบตลาดการเงินแต่สภาพคล่องนี้ไม่ไหลไปสู่คนที่ต้องการสินเชื่อเช่นกลุ่มรายได้น้อยและ SME ได้อย่างไร
ขณะเดียวกันต้องรอลุ้นการลดดอกเบี้ยในวันที่ 24 มีนาคม เนื่องจากมองว่านโยบายการเงินมีลักษณะเดินตามตัวเลขเศรษฐกิจ หรือ data dependent ไม่ใช่ตัวเลขในอดีต หรือต้องรอ GDP ไตรมาสสี่ปีก่อนที่ทางสภาพัฒน์จะรายงานในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ แต่น่าจะพิจารณาตัวเลขในอนาคตหรือการคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ที่ทางธปท.จะรายงานในช่วงการประชุมรอบเดือนมีนาคม ที่ปัจจุบันทางธปท.คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.2% แต่เราเชื่อว่าทางธปท.น่าจะปรับลดการคาดการณ์ลง
ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น จนทางกนง.น่าจะพิจารณาลดดอกเบี้ยลง 0.25% พร้อมๆ กับการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม หรือ ทำ QE คล้ายๆ ซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพิ่มวงเงินในระบบเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต จูงใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม อีกทั้งผลทางอ้อมจากปริมาณเงินที่มากขึ้นและดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงจะช่วยลดแรงจูงใจในการเข้ามาซื้อพันธบัตรจากต่างชาติ เงินบาทน่าจะไม่แข็งค่าเร็วอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งช่วยสนับสนุนผู้ส่งออกและให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
โดยสรุป แม้เราเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่ากับการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ปล่อยซอฟท์โลนและปรับโครงสร้างหนี้ แต่การลดดอกเบี้ยนโยบาย และ FIDF พร้อมๆ กับการทำ QE จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เราไม่อยากเห็นเศรษฐกิจไทยรั้งท้ายในอาเซียนในปีนี้